เวลาที่คุณเลือกภาพจาก Shutterstock คุณเลือกจากอะไร? ความสวยงาม ความชัด ความน่ารัก หรือความเหมาะสม? ถ้ายังไม่แน่ใจเรามีเทคนิคขั้นเทพ! กับการเลือกใช้งานภาพสต็อกกับงานโฆษณาอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้คุณสร้างเนื้อหาด้วยรูปภาพได้ดีขึ้นและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ท่ามกลางความซับซ้อนของอัลกอริทึมและคู่แข่งจำนวนมหาศาล การดึงดูดความสนใจจากผู้ชมในโลกออนไลน์เริ่มยากขึ้นและท้าทายขึ้นกว่าเดิมในทุก ๆ ปี ยิ่งถ้าคุณไม่มีของอยู่ในมือมากพอสำหรับทำแคมเปญหรือโฆษณาใด ๆ ยิ่งแข่งขันได้ยาก ภาพสต็อกจึงเข้ามามีส่วนช่วยพวกคุณในเรื่องนี้
แต่คำถามก็คือคุณจะใช้ภาพสต็อกเหล่านี้เพิ่มประสิทธิภาพงานของคุณได้อย่างไร?
โดยเนื้อหาในหัวข้อนี้เราจะทำการสำรวจอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลและภาพสต็อก เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการออกแบบร่วมกัน
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกภาพอย่างไรให้ได้รับยอด Engagement อย่างมีประสิทธิภาพ
เข้าใจเรื่องการใช้ภาพสต็อกกับโฆษณาดิจิทัลกันก่อน
แม้ว่าจะมีการจ้างช่างภาพเพื่อถ่ายรูปสินค้าที่คุณต้องการได้ แต่นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไปค่อนข้างมาก ภาพสต็อกจึงเกิดมาเพื่อมอบทางเลือกราคาประหยัดให้กับคุณโดยไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องคุณภาพ มีตัวเลือกให้คุณมากมายหลากหลาย และสามารถปรับแต่งได้ภาพในเว็บไซต์ เพื่อนำไปใช้งานบนดิจิทัลแคมเปญได้ทันที
ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ถูกต้องตามเวลาที่กำหนด
ใน Shutterstock คุณสามารถค้นหาภาพได้อย่างรวดเร็ว และขั้นตอนการซื้อเพื่อไปใช้งานก็ง่ายแสนง่าย สิทธิ์การใช้งานต่าง ๆ ก็มีให้คุณเห็นทันทีหน้าเว็บไซต์ก่อนจะกดภาพออกไปใช้งาน ทำให้ทุกงานออกแบบสามารถเป็นจริงได้อย่างไร้ขีดจำกัด
การเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าในโลกดิจิทัลมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ผู้คนมักคลิกดูโฆษณาจาก Google ads เพียง 1 ครั้งจากโฆษณากว่า 250 ชิ้นที่ปรากฎในช่วงเวลาเดียวกัน (หมายถึงโอกาสมีเพียงแค่ 1 ใน 1000)
ใน Facebook ทุกคนจะคลิกโฆษณา 1 ครั้งจากโฆษณา 1,961 ชิ้นที่เห็นในวันนั้น การเลือกภาพสต็อกอย่างรัดกุมและตั้งใจ จะช่วยให้งานภาพโฆษณาของคุณโดดเด่นขึ้นท่ามกลางโฆษณาเหล่านั้น ข้อความที่คุณจะสื่อถึงใจลูกค้าก็ยิ่งทรงพลังขึ้นเช่นกัน
ลองนำเทคนิคที่เราจะนำเสนอดังต่อไปนี้ ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้งานของคุณกัน
หลีกเลี่ยงภาพเก่า ๆ ซ้ำ ๆ
กลุ่มคนดูของคุณมีโอกาสที่จะเห็นงานโฆษณาของคุณ (หรือคู่แข่ง) ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ซึ่งผลการวิจัยเผยว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มักดูโฆษณา 7-8 ครั้งก่อนจะซื้อของ 1 ชิ้น
ดังนั้นการใช้ภาพเพื่อการโฆษณาของคุณต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น และอย่าใช้ภาพเดิม ๆ กับที่หลายแบรนด์เคยใช้แล้ว ใครจะไปสนภาพที่พวกเขาเคยเห็นมาเป็นพัน ๆ ครั้งแล้วจริงไหม?
อีกทั้งการใช้ภาพไม่ซ้ำใครช่วยสร้างความมีเอกลักษณ์ และความสมจริงให้กับแบรนด์คุณอีกด้วย
เข้าถึงอารมณ์
การเลือกใช้งานภาพสต็อกสำหรับแบรนด์ของคุณ จะต้องคำนึงถึงความเชื่อมต่อระหว่างสินค้าและผู้บริโภค ยิ่งถ้าภาพที่เลือกมามีความเชื่อมโยงบางอย่าง และเข้าถึงอารมณ์ผู้บริโภคได้อย่างจัง คอนเทนต์นั้นจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 2 เท่า
ความเกี่ยวข้องกับแบรนด์
การเลื่อนหาคอนเทนต์แบบไร้ที่สิ้นสุดมีอยู่จริง! การดูคอนเทนต์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถให้ความสนใจกับคอนเทนต์ได้เกิน 15 วินาที และยิ่งน้อยกว่านั้นสำหรับ 30 วินาที เพราะคนส่วนใหญ่จะดูแค่ 1.7 วินาทีเท่านั้น
การช่วยให้คนดูเข้าใจโฆษณาของคุณได้แบบทันที คุณต้องเลือกภาพที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ให้ถึงที่สุด
เช่น ถ้าคุณกำลังโปรโมทโปรแกรมฟิตเนสในโรงยิม ภาพที่เลือกต้องมีกล้าม คนยกเวท โรงยิมที่ดูสะอาดและทันสมัย เป็นต้น เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ต้องนั่งเดานานว่าโฆษณานี้เกี่ยวกับอะไร
ภาพสต็อก + Display Ads (โฆษณารูปแบบแสดงผลด้วยภาพ) คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มใช้ภาพกับลงโฆษณาที่ไหนดี เราขอแนะนำให้ลงโฆษณากับ Display Ads เพราะรูปแบบโฆษณาแบบนี้คุณสามารถใส่ ภาพ เสียง และวิดีโอในการสื่อสารกับคนดูได้
แต่ก่อนจะเริ่มออกแบบชิ้นงาน มาดูเรื่องที่ต้องทราบกันก่อน
ตัวเลือกรูปแบบสำหรับใช้ยิงโฆษณา
รูปแบบการตลาดดิจิทัลมักมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป ซึ่งรูปแบบส่วนใหญ่จะมีดังนี้
- Display Ads: เป็นโฆษณาที่สามารถแสดงรูปภาพ เสียง และวิดีโอ มักใช้เป็นแบนเนอร์อยู่บริเวณบน ล่าง และขอบของเว็บไซต์
- Search Ads: เป็นโฆษณาที่ปรากฎอยู่บริเวณล่างและบนของ Search engine ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่คุณค้นหา ส่วนใหญ่แสดงเป็นรูปแบบข้อความ
- Social Media Ads: เช่น Facebook, Instagram, X ,และ LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มที่แสดงผลของโฆษณาตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะแสดงผลไม่เหมือนกัน
- Mobile or In-App Ads: เป็นโฆษณาที่ปรากฎบนมือถือและแอพพลิเคชั่น ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแบนเนอร์และวิดีโอ
- Email Ads: โฆษณาประเภทนี้จะส่งไปที่อีเมลของผู้ใช้งานโดยตรง มีเป้าหมายส่วนใหญ่เพื่อเชิญชวนลูกค้าทั้งใหม่และเก่า ให้กลับเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้ง
เลือกแพลตฟอร์มและอ่านข้อกำหนดของเว็บไซต์ให้ดี
เพราะการเลือกแพลตฟอร์มมีผลต่อขนาดของงาน และประเภทของไฟล์ที่คุณต้องทำหลังจากนี้ อย่าคิดว่าทำขนาดเดียวกันแล้วจะอัพลงทุกแพลตฟอร์มได้เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น ขนาดโฆษณาของ Facebook กำหนดที่ 1080 x 1080 pixels และขนาดต้องไม่เกิน 30MB ส่วน TikTok ขนาดอยู่ที่ 720 x 1280 และขนาดไฟล์ไม่เกิน 100MB
บางแพลตฟอร์มต้องการอัตราส่วนไฟล์ที่แตกต่างกัน เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น วิดีโอบน Facebook อัตราส่วนจะอยู่ที่ 4:5 เหมาะสำหรับมือถือ แต่ถ้าเป็นแบบหน้าจอคอมแนะนำให้ใช้แบบ 1:1
อย่าลืมกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่
ผู้บริโภคมักไม่ซื้อสินค้าภายในครั้งแรกที่รู้จักสินค้า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่จะช่วยลดอัตราการไม่ซื้อลง 6.5% และเพิ่มยอดขายขึ้นถึง 20%
การยิงโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ทำให้เราทราบกลุ่มผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ กับหน้าเว็บได้ ซึ่งนั่นจะเป็นข้อมูลให้คุณทำการตลาดต่อไป ว่าทำอย่างไรให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ อยากจะเข้ามาซื้อหรือมีส่วนร่วมในเว็บไซต์
มีคนกล่าวว่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ถ้าทำอย่างถูกต้องจะช่วยให้หลายแคมเปญประสบความสำเร็จได้ และการใช้ภาพสต็อกที่สอดคล้องกันจะช่วยรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้คงอยู่เสมอ สร้างการรับรู้และความไว้วางใจในแบรนด์ในอนาคตต่อไป
คลิกแล้วไปไหนต่อ?
หลังจากที่คุณทำคอนเทนต์สำหรับแคมเปญเสร็จแล้ว เรียกคนดูมาคลิกเรียบร้อยแล้ว พวกเขาต้องทำอะไรต่อ? ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการสับสนของผู้เข้าชม
จำไว้เสมอว่าคอนเทนต์ที่คุณใช้ภาพจากสต็อก จะต้องสอดคล้องกันเพื่อนำเสนอให้แบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่อย่างนั้นยอดการเข้าถึงของเว็บคุณจะตกต่ำกว่าเดิม
ปัจจัยต่อความยั่งยืนของโฆษณา
ถ้าคุณต้องวางแผนดำเนินงานโฆษณาแบบระยะยาว ให้มองหาภาพสต็อกและการออกแบบที่ไม่เก่าเร็วเกินไป เพื่อหาสมดุลของตัวงาน ให้ลองชั่งน้ำหนักระหว่างเทรนด์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกับองค์ประกอบที่ไม่ดูเก่าเร็ว แล้วนำเข้าประชุมกับทีมงาน เช่น เทรนด์สี เทรนด์ภาพ เทรนด์การออกแบบ เป็นต้น
วิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโฆษณาดิจิทัลด้วยภาพสต็อก
คุณได้ทราบข้อมูลและกลยุทธ์การใช้ภาพสต็อกข้างต้นมาบ้างแล้ว แต่คุณจะใช้มันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไร เรามาดูไอเดียดังต่อไปนี้กัน
ใช้ประโยชน์จากระบบ Interactive
จะคอนเทนต์แบบใดก็สามารถใช้ประโยชน์จากระบบที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มได้ เช่น Instagram, Facebook และ Snapchat มีบริการรองรับระบบ AR ที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็น 3D โดยใช้แค่เพียงมือถือ ยิ่งถ้าคุณขายสินค้าแล้วทำให้มันปรากฎออกมาในรูปแบบ 3D จะช่วยให้ลูกค้าสนใจเพิ่มขึ้นถึง 94%
ทำ A/B เทส
หนึ่งในประโยชน์ของโฆษณาดิจิทัลคือความเร็ว เราสามารถรับรู้ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ใช้สิ่งนี้ให้ได้เปรียบจากการทำ A/B เทสด้วยภาพสต็อกที่แตกต่างกัน หาผลลัพธ์ที่ลงตัวที่สุดของคุณเอง
วิธีการนี้คุณจะมีข้อเปรียบเทียบโฆษณาของทั้งสองเวอร์ชั่น เพื่อพิจารณาว่าอันไหนดีกว่า ซึ่งคุณอาจค้นพบว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ส่งผลได้อย่างมหาศาล (วัตถุเดิมแต่เปลี่ยนมุมถ่ายใหม่ หรือสีใหม่ เป็นต้น)
รีวิวข้ามแพลตฟอร์มที่คุณกำลังเลือกใช้
โฆษณาดิจิทัลไม่มีทางเข้ากันได้กับทุกแพลตฟอร์ม เพราะคนดูต่างก็ใช้อุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเลต คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค เป็นต้น
อย่าลืมเลือกภาพสต็อกที่เหมาะสมกับงานออกแบบโฆษณาทุกแพลตฟอร์ม ให้ผู้บริโภคเห็นไอเดียและสินค้าครบถ้วน
อย่าลืมใส่ Call-to-Action (CTA)
การใส่ CTA คือการบังคับให้ผู้ชมกระทำบางอย่างหลังรับชมเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียน ซื้อสินค้า หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมก็ตาม การใช้ภาพสต็อกมีผลต่อการกระทำนั้นอย่างมาก ข้อความที่ใส่เข้าไปต้องไปด้วยกันกับภาพอย่างแนบเนียน
ตัวอย่างเช่น คุณต้องหาภาพที่มีพื้นที่ว่าง (Negative space) เพื่อให้ง่ายต่อการวางข้อความโดยไม่บดบังรายละเอียดในภาพมากเกินไป
จากนั้นให้คุณวางแผนเรื่องการใช้ CTA ด้วยคำเพียงไม่กี่คำแต่แสดงถึงเจตจำนงอันหนักแน่น (เช่น จองเดี๋ยวนี้! จองทันที! ซื้อเลย! ฯลฯ)
ค้นหาภาพสต็อกคุณภาพสูงสำหรับใช้ในโฆษณาดิจิทัลกับเรา
การเล่าเรื่องของคุณจะทรงพลังขึ้น ถ้าเล่ามันไปพร้อมกับภาพสต็อกคุณภาพสูงของเรา เพื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมและกระตุ้นยอดคลิกได้อย่างมหาศาล ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องใช้ภาพสต็อกของเรากับทุก ๆ งานสร้างสรรค์ของคุณ ถ้าสนใจใช้งานภาพสต็อกสามารถติดต่อพวกเรามาได้ที่ Number 24 x Shutterstock
บทความโดย : Best Practices: Tips for Using Stock Photography in Ads
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24