การโน้มน้าวและความพยายามใช้แนวคิดสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ของคุณ สามารถสร้างผลกระทบและเม็ดเงินในโลกอุตสาหกรรมการตลาดได้ มาผลักดันแบรนด์ของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยแนวคิดสร้างความยั่งยืนอย่างมีจริยธรรมกันเถอะ
หลายปีที่ผ่านมาคำว่า “ความยั่งยืน” กลายเป็นคำฮิตติดปากว่อนไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์หรือบริษัทน้อยใหญ่ต่างใช้คำนี้เพื่อไปกับคอนเทนต์สร้างสรรค์ของพวกเขาทั้งสิ้น
แต่เทรนด์และการเคลื่อนไหวนี้โผล่มาได้ยังไง? เป็นแค่กระแสที่มาแล้วไปเฉยๆรึเปล่า? ลูกค้าจะเข้ามาสนใจเยอะขึ้นได้ยังไง? หรือความยั่งยืนนี้จะสร้างชื่อเสียงให้ธุรกิจได้อย่างไร? เรามีคำตอบให้คุณในบล็อกนี้
ทุกคนจะซื้อขาย กดติดตามหรือลงทะเบียนรับบริการกับแบรนด์ที่รู้สึกใช่กับตนเอง เพื่อให้กระบวนการตัดสินใจง่ายขึ้น แบรนด์ต่างๆจึงถ่ายทอดเจตนารมของเขาผ่านภาพและวิดีโอเสียส่วนใหญ่ การใส่ # ให้สวยหรูไปก็เท่านั้น
โลกและประชาชนต้องมาก่อนแบรนด์เสมอ
ในทางธุรกิจ “ความยั่งยืน” หมายถึงสิ่งที่บริษัทสามารถสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลายบริษัทพยายามโน้มน้าวผู้บริโภคให้ตระหนักถึงสิ่งนี้ที่เป็นประเด็นสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะภาวะเรือนประจก ปัญหาสิทธิมนุษยชน ความไม่เท่าเทียมทางเพศ ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ และสภาพการทำงานที่ยุติธรรม
แต่เรื่องสิ่งแวดล้อมต้องมาเป็นอันดับต้นๆก่อนเสมอ
ความยั่งยืนมีบทบาทสำคัญในธุรกิจงานครีเอทีฟ เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มเข้าใจแล้วว่าสิ่งนี้จะขับเคลื่อนพวกเขาไปสู่ความสำเร็จ และพวกเขาเริ่มลงทุนกับกลยุทธ์เหล่านี้ให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทมากขึ้น
เพราะผู้บริโภคเริ่มสนใจแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่สร้างภาพขึ้นว่าตัวเองยั่งยืนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึงวิธีการที่ได้มาและการขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์ด้วย
ถึงเวลาที่เราจะต้องลงมือทำและสนับสนุนผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกันกับเรา
ด้วยกระแสที่มาแรงนี้ทำให้ช่างภาพ ดีไซน์เนอร์และผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจต่างๆต้องเผชิญกับความท้าทาย ในการสร้างแบรนด์ให้ตรงกับกระแสความยั่งยืนและสมจริงยิ่งขึ้น
ตามเทรนด์น้อยลง เป็นตัวเองมากขึ้น
ความยั่งยืนของแบรนด์ก้าวข้ามคำว่า “เทรนด์” ไปแล้วในตอนนี้ เพราะพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคเริ่มมองหาความเป็นตัวเองมากขึ้นไม่ใช่ตามกระแส ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวเป็นมิตรกับโลกและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
จากผมสำรวจ Shutterstock’s Consumer Pack Goods Report พบว่า
- 72% ของผู้บริโภคชอบซื้อสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน
- 34% ของผู้บริโภคเต็มใจจ่ายให้กับสินค้าที่สนับสนุนความยั่งยืนมากกว่าอื่นๆ
เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับได้แล้วว่าผู้บริโภคมีพลังอำนาจผลักดันหลายบริษัท ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นพลังที่ต้องนำไปพิจารณาว่าทำไมแบรนด์ทั้งหลายต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจริงๆ
เปิดใจแล้วคุยกับผู้บริโภค และโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นเวทีใหญ่สำหรับการดีเบตเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ การตลาด ความยั่งยืนและความรับผิดชอบที่บริษัทพึงมีไปเสียแล้ว
ให้เรื่องความยั่งยืนสำคัญเป็นอันดับแรกในแคมเปญการตลาด
คำถามก็คือแบรนด์จะใช้รูปภาพเพื่อแสดงภาพลักษณ์ความยั่งยืนอย่างแท้จริงในการตลาดได้อย่างไร? จะโฆษณาอย่างไรให้สื่อถึงความยั่งยืนในแบรนด์โดยไม่ซ้ำซากจำเจ ไม่น่าเบื่อหรือนอกประเด็น
เน้นภาพที่สมจริง
ผู้บริโภคสามารถรู้ทันทีว่าภาพนี้มันเฟคจากการมองแค่พริบตาเดียว พวกเขารู้ดีว่าคุณพยายามทำอะไรสักอย่างแต่พวกเขาเห็นแบบนั้นมาหมดแล้วจากแบรนด์อื่นๆ ภาพมือถือต้นไม้ ปลูกลงดิน มองพระอาทิตย์ตกดิน ภาพแบบนี้ถูกใช้มาเยอะจนล้นโลกแล้ว
พยายามองหาภาพที่มีบุคคลใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในร้านที่สนับสนุนความยั่งยืน หรือภาพสินค้านำกลับมาใช้ใหม่ เน้นที่ความสำคัญในการใช้งานผลิตภัณฑ์ ภาพนั้นจะถูกนำไปใช้ได้อีกยาวนาน
แสดงความโปร่งใสของบริษัท
การแสดงความโปร่งใสของบริษัท สามารถสร้างสรค์ได้ได้หลากหลายวิธี ก่อนจะปล่อยแคมเปญต่อไปลองถามทีมคุณว่า
- แบรนด์เราพยายามสร้างความยั่งยืนอย่างไร?
- ทำไมถึงต้องทำแบบนี้?
- เกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน?
ความโปร่งใสของบริษัทสำคัญพอๆกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ยิ่งโปร่งใสมากเท่าใดการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น พูดง่ายๆก็คือยิ่งคุณมีรากฐานที่ชัดเจนและซื่อสัตย์มากเท่าใด พวกเขาก็จะกลับมาหาคุณอีกนานเท่านั้น
ระวังเรื่อง Greenwashing
คำว่า Greenwashing หมายถึงบริษัทโฟกัสไปกับการทุ่มเงินไปลงกับโฆษณามากกว่าคาดหวังผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นต่อความยั่งยืนในตัวแบรนด์ ซึ่งผิดเป้าหมายและผิดจรรยาบรรณ
ในฐานะแบรนด์และองค์กรควรมุ่งเน้นไปที่ผลลัพท์ความยั่งยืน แล้วนำการตลาด โฆษณา การขายมาเป็นตัวสนับสนุนความคิดนั้น ไม่ใช่ว่าเราต้องจ่ายเงินให้เยอะขึ้นเพื่อความยั่งยืน
อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ภาพที่ดีช่วยเล่าเรื่องได้ดี การตลาดที่ดีช่วยให้เรื่องเล่าแข็งแรง ความสำเร็จของบริษัทต้องอะไรร่วมกันหลายอย่าง และไม่มีทางลัดใดๆ อย่าลืมว่าแบรนด์ทุกประเภทล้วนต้องการกำไร แต่เมื่อต้องนำความยั่งยืนเข้ามาเกี่ยวข้อง ความท้าทายจึงเกิดขึ้นมา
ไม่ว่าคุณจะคิดนอกกรอบ ไอเดียแตกต่างจากคนอื่นแค่ไหนก็ตาม แต่ความคิดสร้างสรรค์ต้องมาก่อนเสมอ สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นยิ่งทวีความนิยมขึ้นทุกวัน ผู้บริโภคที่สนับสนุนสินค้าพวกนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บริษัทที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ต้องเข้ามามีส่วนมากขึ้น
หนทางเดียวที่จะทำให้แบรนด์โดดเด่นก็คือใช้เอกลักษณ์เฉพาะของบริษัทรวมเข้ากับความยั่งยืน ให้มีจริยธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้
แบรนด์จึงต้องใช้ภาพที่คำนึงถึงความสมจริง ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดที่จะสื่อ ไม่มีสคริปต์หรือเฟคเอาภาพ เพราะภาพจะต้องเล่าเรื่องราวได้จริงๆ
ความยั่งยืนของธรรมชาติในปัจจุบัน เป็นมากกว่าความคิดสร้างสรรค์ใดๆ เพราะนี่คือวิธีชีวิตและการขับเคลื่อนสังคมไปเสียแล้ว