คำว่า “จืดชืด” ไม่ใช่คำจำกัดความของ สีโทนกลาง หรือความมินิมอล เพราะสีโทนกลางเป็นเหมือนผืนผ้าใบอันสมบูรณ์แบบ มีความนุ่มนวล ผ่อนคลาย เปรียบเสมือน โทนสี สบายตา และอ่อนโยน สีนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักออกแบบภายในและกราฟิกหยิบออกมาใช้เป็นไม้ตายก้นหีบ มาค้นหาเคล็ดลับการใช้สีโทนกลางกันดีกว่า ว่าคุณจะสามารถนำไปใช้กับอะไรได้บ้าง มีประโยชน์อย่างไร ?
สีโทนกลางอยู่ส่วนใดในวงล้อสี
คำว่า “สีโทนกลาง” หรือ neutral colors คือ สีที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นสีใดสีหนึ่ง ไม่สามารถระบุชื่อสีที่แน่นอนได้ โทนสีมีอะไรบ้าง เช่น แดง น้ำเงิน หรือ เขียว แต่กลับนึกถึงชื่อสีอย่างอื่นแทน เช่น สีบัฟ สีงาช้าง สีขาวอมเทา หรือสีเนื้อ เป็นต้น ซึ่งสีที่มีชื่อเรียกแบบนี้มักเป็นสีโทนกลาง
โดยมากมักเป็นเฉดสีอ่อนหรือสีเข้มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาล สีเทา สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งบนวงล้อสีแบบดั้งเดิม เฉดสีโทนกลางเหล่านี้มักจะไม่มีให้เห็น ศิลปินมักสร้างสีโทนกลางขึ้นโดยการผสมสีขาวกับสีเข้มในปริมาณต่าง ๆ เพื่อให้ได้โทนสีที่มีค่าเป็นกลาง
แต่บนวงล้อสีสมัยใหม่ สีโทนกลางมักจะอยู่บริเวณศูนย์กลางหรือขอบของวงล้อในเฉดสีอ่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดวางวงล้อ สำหรับสีโทนกลางที่เข้มขึ้น เช่น สีเทา สีชาร์โคล และสีเขียวมะกอก มักจะพบบริเวณเฉดของสีหลักและสีรองที่ผสมกับสีน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม (สังเกตได้จากในวงล้อ)
ความหลากหลายของสีกลาง
แม้ว่าในทางเทคนิคสีกลางคือสีที่ขาดความชัดเจน แต่สีโทนนี้ก็ไม่ได้ไร้สีโดยสมบูรณ์ จริง ๆ แล้วสีโทนนี้ครอบคลุมเฉดสีหลากหลาย สามารถใช้เป็นสีพื้นหลังที่ยืดหยุ่นได้อย่างดีเพื่อเน้นสีที่สะดุดตากว่า
การเป็นสีโทนกลางต้องเป็นสีที่มีความนุ่มนวล ผ่อนคลาย และอ่อนโยน สีเหล่านี้แตกต่างจากสีโมโนโครมอย่างสีขาวและสีดำ เนื่องจากขาดความตัดกันของสีและผลกระทบทางสายตาที่เด่นชัด แม้แต่สีเอิร์ธโทนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีธรรมชาติก็เช่นกัน แต่สีโทนกลางมีความแตกต่างกันตรงที่เป็น สีโทน อุ่น ให้ความรู้สึก อ่อนโยนต่อสายตา ในขณะที่สีเอิร์ธโทนอาจดูร้อนแรงและสดใสมากกว่า
สีใดบ้างที่เข้ากันกับสีกลาง?
สีโทนอุ่นกลาง ๆ นี้เป็นสีที่มีความยืดหยุ่นและใช้งานง่ายที่สุดในบรรดาสีทั้งหมด ตรงกันข้ามกับสีหลัก สีรอง สีตติยภูมิ และสีเมทัลลิกที่มีความเข้มชัด สีโทนกลางมักถูกมองโดยสายตามนุษย์ว่าเป็นสีที่ไม่ชัดเจน
ส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักไม่รู้สึกว่ามีสีโทนกลางอยู่รอบตัว ซึ่งทำให้สีเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นฉากหลังที่ดีให้กับสีอื่น ๆ ที่สดใสกว่าได้ ด้วยความอ่อนโยนของสีโทนกลาง ทำให้สามารถเข้ากันกับเกือบทุกสีอย่างมีประสิทธิภาพในสเปกตรัม
เนื่องจากสีโทนกลางยังแบ่งออกได้เป็นสีโทนเย็นหรือโทนร้อน เราจึงสามารถสร้างชุดสีโทนเย็นได้ด้วยการจับคู่สีโทนกลางเย็น เช่น สีเทาดัสก์หรือสีเขียวซีโฟม เป็นต้น ส่วนสีโทนอุ่น เช่น สีคาเมลหรือสีน้ำตาลเทา (โทป) เป็นต้น คุณสามารถสร้างชุดสีที่มีความตัดกันมากขึ้นได้ โดยการจับคู่สีโทนกลางร้อนกับสีโทนเย็นที่ตรงข้ามกัน
ความหมายทางจิตวิทยาของสีกลาง
สายตาของมนุษย์สามารถประมวลผลและเห็นสีได้เกือบเจ็ดล้านสี เนื่องจากดวงตามีความไวต่อความแตกต่างของสีเหล่านี้อย่างมาก จึงไม่แปลกใจที่สีสดใสมากเกินไปอาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อดวงตา และบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวในผู้ชมบางประเภท
ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ สีกลางเปรียบดั่งเป็นยารักษาสำหรับสีที่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป สีโทนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลทำให้ดวงตาผ่อนคลาย ซึ่งผลนี้ยังขยายไปถึงผลกระทบทางจิตใจอีกด้วย นักออกแบบภายในมักเลือกใช้สีโทนกลางเพราะสามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและทำให้จิตใจสงบ
ความผ่อนคลายนี้เหมาะสำหรับโรงพยาบาล คลินิกแพทย์ และบ้านพักคนชรา อีกทั้งยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของรสนิยมที่ดีในหมู่ผู้ตกแต่งบ้านอีกด้วย
แบรนด์สีระดับพรีเมียมอย่าง Farrow and Ball และ Little Greene ได้สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากความหรูหราที่เงียบสงบของสีโทนกลาง ความแตกต่างระหว่างตัวอย่างสีที่ขายดีของ Farrow and Ball อย่าง Elephant’s Breath และ Skimming Stone อาจแทบไม่สามารถสังเกตได้ในครั้งแรก แต่สีโทนกลางราคาแพงเหล่านี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปณิธานในโลกตะวันตกไปเสียแล้ว
ในทางกลับกัน สีโทนกลางอาจถูกมองว่าเป็นสีที่จืดชืดและน่าเบื่อโดยบางคน แต่บางคนกลับมองว่าสีเกี่ยวข้องกับความร่ำรวยและความไม่ยึดติด สีโทนกลางอย่างสีงาช้างและสีเนื้อยังสามารถทำให้บางห้องขาดความเป็นเอกลักษณ์ได้ด้วย
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงไปสู่การออกแบบสไตล์แมกซิมัลลิสต์ (Maximalist) ในด้านการตกแต่งภายใน กราฟิก และวงการแฟชั่น ทำให้พาเลตต์สีโทนกลางทั้งหมดได้รับความนิยมต่ำลง โดยโทนสีที่อ่อนนุ่มกลายเป็นสีที่ถูกใช้จับคู่กับสีที่สดใสและโดดเด่น รวมถึงลวดลายที่มีความจัดจ้านมากขึ้น
ประวัติศาสตร์ของสีโทนกลาง
สีโทนกลางได้รับแรงบันดาลใจจากสีที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ดังนั้นสีเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในประเภทสีที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์เคยใช้มา และในศตวรรษต่อมา สีเหล่านี้มักเกิดมาจากการความบกพร่องของอุตสาหกรรมในการผลิตเสื้อผ้าและสีผสม
สีแปลก ๆ อย่างสีม่วง สีขาวบริสุทธิ์ และสีแดง เคยมีราคาแพงมากจนถูกจำกัดให้ใช้แค่ในบางชนชั้นในช่วงยุคโบราณ ทำให้เฟอร์นิเจอร์และผนังบ้านของผู้มีรายได้น้อยกลายเป็นสีโทนกลาง
โทนสีสดใสกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีความมั่งคั่งหรือราชวงศ์ ความยากจนถูกกำหนดให้เป็นสีโทนกลาง ดังนั่นเราจึงเห็นในพระราชวังหรือบ้านคนรวยเต็มไปด้วยอัญมณีมากมาย และสีเมทัลลิกถูกใช้ตกแต่งพระราชวัง สถานที่สาธารณะ รวมถึงโบสถ์
ไม่นานหลังจากนั้นช่วงศตวรรษที่ 17 ชาวพิวริตันที่อพยพไปยังโลกใหม่ เลือกใช้เสื้อผ้าที่มีสีหม่นเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนน้อม เชื่อว่าการใช้สีสดใสนั้นดูโอ้อวดและฟุ่มเฟือย
แนวโน้มในการใช้สีโทนกลางในช่วงยุคพิวริตันนี้ดำเนินต่อไปจนถึงศตวรรษที่ 19 – 20 แต่ชาววิกตอเรียนิยมใช้เฉดสีโทนกลางค่อนไปทางมืดในบ้านและบนเสื้อผ้า และพระราชินีวิกตอเรียก็ทำให้การใช้สีหม่นได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอเลือกใส่สีดำหลังจากการเสียชีวิตของพระสวามีของเธอ พระเจ้าหลุยส์ อัลเบิร์ต
ในช่วงสงคราม เฉดสีโทนกลางก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการรบ เช่น สีน้ำตาล สีเขียวมะกอก และสีเบจ ได้ช่วยให้ผู้หญิงที่อยู่ที่บ้านสามารถแสดงออกถึงการสนับสนุนต่อสามีและลูกชายที่ไปออกรบได้ จนกระทั่งถึงทศวรรษ 1950 สีโทนกลางหม่นก็หลุดออกจากแฟชั่นไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีสีพาสเทลสดใสมาแทนที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านสงคราม
ยุค 1980s – 1990s สีโทนกลางได้กลับมามีความนิยมอีกครั้งในช่วงทศวรรษ โดยมีดีไซเนอร์แฟชั่น Calvin Klein เป็นผู้นำการปฏิวัติแบบมินิมัลลิสต์ ชุดเดรสเรียบง่ายและชุดกางเกงของเขามีเฉดสีโทนกลางหลากหลาย เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีงาช้าง สีเบจ และสีเทา ซึ่งพาเลตต์สีนี้ยังสะท้อนถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในในยุคนั้นด้วย
วิธีใช้สีกลางในงานออกแบบ
กลุ่มสีโทนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ดีไซเนอร์ภายใน เพราะสามารถสร้างความเงียบสงบและผ่อนคลาย รวมถึงการให้ความรู้สึกถึงความสะอาดและความกว้างขวาง สีโทนกลางสามารถผสมผสานกันได้หลากหลายเพื่อสร้างความลึกซึ้งและซับซ้อน
นักออกแบบภายในชาวอังกฤษคุณ Kelly Hoppen ตั้งฉายาให้กับตัวเองว่า “ราชินีของสีเทา” ผู้มีความรักต่อสีโทนกลาง และเธอเคยบอกว่า “สีเทา, สีทราย, สีครีม/ขาวนวล และสีขาวบริสุทธิ์” เป็นสีหลักที่เธอมักใช้ในการสร้างความหลากหลายและความหรูหราสำหรับบ้านในตัวเมือง โรงแรม และเรือยอชต์สุดหรู
นักออกแบบกราฟิกและนักพัฒนาเว็บไซต์อาจไม่คุ้นเคยกับสีโทนกลางมากนัก โดยเฉพาะในวงการออกแบบดิจิทัล การเลือกใช้สีโทนกลางอาจดูไม่น่าตื่นเต้นเมื่อเทียบกับสีนีออนเปรี้ยวจี๊ดหรือสีสว่างสดใส
อย่างไรก็ตาม นักออกแบบเว็บควรให้โอกาสกับสีโทนกลางอีกครั้ง เพราะในขณะที่เว็บไซต์และแอปหลายแห่งเลือกใช้รูปแบบสีที่สว่างจัดจ้านจนทำให้ปวดตา การออกแบบที่ใช้สีโทนกลางเป็นพื้นฐาน เปรียบดั่งสร้างที่พักสายตาสำหรับผู้ใช้ที่มีอาการเมื่อยล้าจากการมองสีที่แสบตา
ตัวอย่างการใช้ชุดสีกลาง
Palette 1: Warm Neutrals
พาเลตต์สีสวยโดดเด่นเป็นพิเศษนี้เป็นโทนสีที่ผ่อนคลายและดูเป็นผู้หญิง ผสมผสานสีชมพูแชมเปญกับสีเทาเกรจ สีชมพูอ่อน และสีชามัวร์อ่อน
Palette 2: Cool Green Neutrals
พาเลทสีเขียวโทนกลางดูเย็นและสดชื่น เหมาะกับทั้งการตกแต่งภายในและการออกแบบเว็บไซต์
Palette 3: Cool Blue Neutrals
สมดุลระหว่างสีน้ำเงินเข้มโทนกลาง กับสีการ์ดีเนียและสีชมพูอ่อนเพื่อให้ได้โทนสีที่ดูมั่นคง ชวนให้นึกถึงการเดินเล่นริมชายฝั่งในฤดูหนาว
ในเว็บไซต์ของ Shutterstock มีสีเหล่านี้ให้ทุกคนได้ใช้ทำการตลาดคอนเทนต์มากมาย สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและถูกลิขสิทธิ์ ถ้าท่านใดสนใจใช้ภาพเหล่านี้สามารถติดต่อพวกเราได้ที่
Inbox : https://bit.ly/3RtAnGn
LINE Official Account : https://bit.ly/3Rz00FU
Instagram : https://bit.ly/3qi0VOR
Website : https://number24.co.th