ถ้าเป็นสมัยก่อนพวกเราคงไม่เชื่อว่าจะมี รถไฟฟ้า EV เกิดขึ้นมาบนโลก ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีมูลค่าสูงถึง 2.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อปีเฉลี่ยน 22.7% ตั้งแต่ปี 2023 – 2030 เห็นได้ว่าตลาด แบรนด์รถไฟฟ้า นั้นมีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตไปได้อีกไกล
เรามาดูกันว่าตลาด รถไฟฟ้าในไทย นั้นคุ้มค่ากับการลงทุนแค่ไหนและ ภาพ AI จะมีส่วนช่วยในแคมเปญการตลาดนี้อย่างไร


รถไฟฟ้า กับการตลาดที่ไม่ควรพลาดในยุคนี้
ปัจจุบันกระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงสุด ๆ ด้วยหลายปัจจัยที่ผลักดันให้คนหันมาใช้งานมากขึ้น อย่างแรกเลย โลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน การลดการปล่อย CO2 จากรถยนต์จึงเป็นทางออกที่ช่วยชะลอปัญหานี้ได้ แถมยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอีกด้วย

อีกเหตุผลที่ใคร ๆ ก็สนใจรถไฟฟ้าคือ ประหยัดค่าน้ำมันไปได้เยอะ การชาร์จไฟแม้จะใช้เวลาบ้าง แต่ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าการเติมน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายคนเริ่มมองว่ารถไฟฟ้าไม่ใช่แค่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่มันคือปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ในปี 2023-ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกวาดส่วนแบ่งรายได้ไปกว่า 28.7% และสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีการใส่ AI เข้าไปในยานยนต์ แรงผลักดันสำคัญมาจากยอดขายที่พุ่งแรงใน เกาหลีใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งกำลังเร่งสปีดเต็มกำลังไปสู่อนาคตของยานยนต์อัจฉริยะ!
แต่ AI ไม่ได้หยุดอยู่แค่รถไร้คนขับ! Data Science และ Machine Learning กลายเป็นอาวุธลับของบริษัทรถยนต์ ตั้งแต่การวิจัย ออกแบบ ผลิต จนถึงการตลาด ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเทคโนโลยีอย่าง กล้อง เซ็นเซอร์ เรดาร์ และ LiDAR (ตรวจจับแสง) ช่วยให้รถวางเส้นทางได้แม่นยำและเข้าใจสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าเดิม ทำให้การเดินทางปลอดภัยและล้ำยุคกว่าที่เคย

จะเห็นได้ว่ารถ EV กับปัญญาประดิษฐ์นั้นอยู่คู่กันไม่เคยจากกันไปไหน แล้วการโฆษณาและทำแคมเปญการตลาดแบรนด์รถไฟฟ้า ภาพ AI จะขาดไปได้ยังไงจริงไหม?
ไอเดียในการทำแคมเปญรถไฟฟ้ากับ ภาพ AI
ก่อนจะเริ่มทำแคมเปญใด ๆ เราต้องหาจุดดีหรือจุดเด่นในการนำเสนอลูกค้าเสียก่อน ซึ่งจุดเด่นของรถไฟฟ้าที่เรานึกถึงมีดังนี้
1.รถไฟฟ้าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะ ค่าชาร์จไฟ ที่ถูกกว่าค่าน้ำมันมาก เมื่อเทียบราคาต่อกิโลเมตรแล้วรถไฟฟ้าประหยัดกว่าอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้น การชาร์จรถไฟฟ้ายังสามารถทำได้สะดวกที่บ้านหรือสถานีชาร์จใกล้เคียง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเหมือนกับรถสันดาป
(คีเวิร์ด: EV Charging Station, Fast Charging, Home Charger, Public EV Charger)



2.รถไฟฟ้าเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดมลพิษทางอากาศ เพราะปล่อยมลพิษน้อยหรือแทบไม่มีเลย เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ของน้ำมันหรือเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งทำให้ลดการปล่อย CO2 และก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(คีเวิร์ด:Green city, Zero Emission Vehicle, CO2-Free Transportation, Green Energy, Wind power, Solar power, Eco-Friendly)


3.รถไฟฟ้าให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ เงียบสงบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนที่มักพบในรถสันดาป ซึ่งทำให้การขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางไกลสะดวกและผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ ด้วย แรงบิดสูง ตั้งแต่เริ่มขับ รถไฟฟ้าสามารถ เร่งความเร็วได้ทันที โดยไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่ไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่ยังนุ่มนวลและตอบสนองได้ทันใจทุกการกระทุ้งเท้า! นี่คือการขับขี่ที่ล้ำยุค และทำให้การเดินทางของคุณสนุกยิ่งขึ้น!
(คีเวิร์ด: Smooth, Noise free, Quiet, Nature, Sunset, Silent)


4.รถไฟฟ้าสมัยใหม่ไม่ได้มีแค่เรื่องการขับขี่ที่รวดเร็วและเงียบสงบ แต่ยังมาพร้อมกับ AI ที่ทำให้การขับขี่ของคุณฉลาดขึ้น เช่น ระบบช่วยขับขี่ ที่ช่วยให้คุณขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็ว, และระบบเตือนเมื่อมีวัตถุในระยะใกล้
(คีเวิร์ด: Auto-drive, Automatic, AI, Self-Driving, Smart Car, Hand-free, Sensor, Safety)


ด้วยไอเดียสุดล้ำที่กล่าวถึงนี้ คุณสามารถนำจุดเด่นแต่ละข้อ มาสร้างเป็น ภาพ AI ที่น่าสนใจในการโปรโมตโฆษณาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการสื่อถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงัด ทุกจุดเด่นเหล่านี้สามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบภาพที่ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค
และภาพประกอบในบทความนี้ทั้งหมดสร้างโดย Shutterstock Generative AI ถูกลิขสิทธิ์ สามารถใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างมั่นใจ
สอบถามข้อมูลการใช้งานเครื่องมือสร้างภาพ AI กับ Number 24 x Shutterstock เพิ่มเติมได้ที่
Inbox : https://bit.ly/3RtAnGn
LINE Official Account : https://bit.ly/3Rz00FU
Instagram : https://bit.ly/3qi0VOR
Website : https://number24.co.th