ค้นหาวิธีการสร้างภาพเส้นแสงให้โดดเด่นเหนือใคร ด้วยวิธีถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของยานพาหนะและดอกไม้ไฟบนท้องนภา
เส้นแสงหรือ Light Trail สามารถเพิ่มความความรู้สึกดั่งเวทมนต์ให้เกิดขึ้นกับภาพถ่าย เราทุกคนเคยเห็นรถที่วิ่งเป็นเส้นเรืองแสงอยู่บนถนนในยามค่ำคืน พวกเขาเก็บภาพการเคลื่อนไหวของแสงที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งผลลัพธ์นั้นเหมือนเราอยู่คนละโลกเลยทีเดียว
ภาพถ่ายเส้นแสงอาจฟังดูยากแต่ทำได้ง่ายกว่าที่คุณคิดไว้ ก่อนอื่นเรามาพูดถึงการตั้งค่ากล้องและอุปกรณ์สำหรับการถ่ายภาพเส้นแสงกัน
ภาพถ่ายเส้นแสงคืออะไร?
เส้นแสงคือรูปแบบของการถ่ายภาพโดยเปิดความเร็วชัตเตอร์ค้างไว้เป็นเวลานาน (Long-exposure photography) เป็นการเก็บภาพการเคลื่อนไหวของแสงที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คุณสามารถทำได้โดยการเปิดเลนส์ค้างไว้นานกว่าปกติ โดยวิธีนี้ทำให้คุณเก็บภาพการเคลื่อนไหวของแสงไว้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ภาพถ่ายเส้นแสงที่เราเห็นได้ทั่วไปคือภาพบนท้องถนน อย่างภาพของถนนเรืองแสงที่เกิดขึ้นโดยไฟหน้าและไฟท้ายของรถที่ผ่านไปมา
แต่ถ้าทุกการเคลื่อนไหวของแสงสามารถสร้างผลงานที่น่าทึ่งได้ บางทีคุณอาจจะเคยเห็นนักเต้นรำควงไฟที่ Burning Man หรือพลุสว่างสไวบนท้องฟ้าในคืนที่ 4 กรกฎาคม (วันชาติสหรัฐอเมริกา)
ทั้งสองอย่างที่กล่าวมาคือตัวอย่างที่ดีในการถ่ายภาพเส้นแสง
การตั้งค่ากล้องพื้นฐาน
ความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter)
คุณน่าจะพอคาดเดาได้ว่า การเปิดรูรับแสงไว้ยิ่งนานเส้นแสงยิ่งยาว ยิ่งสั้นเส้นแสงก็ยิ่งสั้นน ให้คุณลองเริ่มต้นจาก สองวินาที สามวินาที และสี่วินาที จะได้รู้ว่าภาพออกมาเป็นแบบไหน
ค่า ISO
ค่า ISO จะวัดความไวต่อแสงของกล้องคุณ ค่า ISO ที่ต่ำหมายถึงความไวต่อแสงที่น้อยกว่า ซึ่งถ้าสูงกว่าก็แน่นอนว่ามีความไวต่อแสงมากกว่า
ในกรณีที่คุณต้องถ่ายภาพที่มีความเร็วชัตเตอร์ที่นานเพื่อเก็บแสงให้ได้มาก คุณสามารถตั้งค่าความไวต่อแสงของกล้องคุณไว้ต่ำๆที่ ISO 100 หรือ 200 ซึ่งจะช่วยลดจุดรบกวนของกล้อง (Camera Noise)
รูรับแสง
รูรับแสงยิ่งค่า f-stop ต่ำ หน้าเลนส์ยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งความชัดตื่นพื้นหลังก็ยิ่งเบลอ ส่วนถ้ารูรับแสงค่า f-stop สูง หน้าเลนส์ยิ่งเปิดน้อย ช่วยสร้างความชัดตื้นได้ลึกและภาพยิ่งคม
สำหรับการถ่ายภาพเส้นแสง โดยทั่วไป คุณจะต้องการให้ภาพคมชัดมากที่สุดที่ที่จะเป็นไปได้ โดยปรับรูรับแสงของคุณลงไประหว่าง f/8 ถึง f/16 ซึ่งจะให้ระยะชัดตื้นค่อนข้างคม ทำให้บริเวณส่วนใหญ่ของรูปที่คุณถ่ายออกมาอยู่ในโฟกัสและชัดเจน ส่วน f/9 เป็นค่ารูรับแสงที่เหมาะสำหรับการถ่ายพลุ
ถ้าคุณพบว่าภาพของคุณสว่างเกินไป ให้เริ่มปรับรูรับแสงไประดับกลางๆ ปิดรูรับแสงโดยการเพิ่มค่า f-stop เพื่อลดปริมาณแสงที่จะเข้าไปในเลนส์และตกลงสู่เซ็นเซอร์
อีกทางเลือกคือถ้ารูปของคุณมืดเกินไป ให้เปิดรูรับแสงโดยการลดค่า f-stop เพื่อเพิ่มปริมาณแสงที่จะตกสู่เซ็นเซอร์
โหมดแมนนวล
การถ่ายภาพด้วยโหมดแมนนวลนั้นดีที่สุดในการถ่ายเส้นแสง คุณจะควบคุมทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะ ISO รูรับแสง หรือสปีดชัตเตอร์ เพื่อเปลี่ยนสิ่งที่คุณเห็นให้เป็นรูปภาพ
ภาพไฟล์ RAW
ที่สำคัญคือจำไว้ว่าให้ถ่ายเป็นไฟล์ RAW จะทำให้คุณสามารถควบคุมหลายๆอย่างได้ดีขึ้นหากคุณประสบปัญหาเรื่องแสงและอุณหภูมิสีในภาพ คุณจะพบว่ามันง่ายกว่าถ้าต้องแก้รายละเอียดต่างๆที่หายไปในพื้นที่ที่มืดเกินในภาพของคุณ
ท้ายที่สุดคืออย่าลืมลองถ่ายก่อน และลองปรับการตั้งค่ารูรับแรงและสปีดชัตเตอร์ตามความเหมาะสม
มีอะไรอีกที่คุณจำเป็นต้องใช้
โชคดีที่การถ่ายภาพเส้นแสงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การถ่ายภาพมากมาย
ที่คุณต้องการคือ กล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR หรือ Digital Single-Lens Reflex Camera) หรือ
กล้องมิลเลอร์เลส (Mirrorless Camera) ที่สามารถในการเปิดรูรับแสงนานๆ และขาตั้งกล้องเพื่อให้กล้องของคุณนิ่งและไม่ให้ภาพเบลอ
ด้วยเหตุผลเดียวกัน คุณจำเป็นต้องมีนาฬิกาจับเวลาหรือรีโมตควบคุมการกดชัตเตอร์ และเลนส์ไวด์ก็สะดวกต่อการเก็บรายละเอียดต่างๆในภาพ
การจัดฉากก็สำคัญ
การพิจารณาสถานที่ถ่ายทำถือว่าสำคัญมาก เส้นแสงสามารถใช้เป็นเส้นนำไปยังจุดเด่นหรือจุดสนใจของภาพ เช่น สถาปัตย์เชิงสัญลักษณ์ ภูมิทัศน์เมือง ภูเขา หรือถนนที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด
ขอบฟ้าที่ไม่มีอะไรยังน่าสนใจน้อยกว่าสิ่งเหล่านี้
จุดที่ดีที่สุดในการเก็บภาพเส้นแสงคือการถ่ายจากบนสะพานลอยหรือสะพานท่ีอยู่เหนือถนนอันวุ่นวาย
สี่แยกไฟแดง ทางแยก หรือถนนสี่เลน ซึ่งจะสร้างจุดตัดและเส้นที่ชัดเจน
วงเวียนและถนนที่คดเคี้ยวสร้างวงกลมและเส้นแสงที่หมุนวนแสนน่าประทับใจ ถนนสี่เลนจะเห็นไฟหน้าของรถเข้ามาหาคุณและไฟท้ายสีแดงขับผ่านไป
เมื่อคุณถ่ายพลุ ภูเขาหรือระเบียงดาดฟ้าคือจุดชมวิวที่ดีที่สุด ถ้าคุณอยู่ใกล้ผืนน้ำ ภาพถ่ายพลุกับแสงที่สะท้อนออกมาจากน้ำจะทำให้คุณตะลึงไปเลย
จำไว้ให้ขึ้นใจว่าการไปถ่ายพลุก่อนใครนั้นดีที่สุด จากที่เคยเห็นมา จะมีกลุ่มควันบนท้องฟ้าและตอนจบก็เสียงระเบิด แต่การไปจุดพลุแต่เนิ่นๆจะทำให้ได้สีที่สดใสกว่าเพราะจะไม่มีควันบนท้องฟ้า
บทความโดย: The Art of Light Trail Photography
บทความนี้เรียบเรียงโดย ณัฐนนท์ อุทัย (บิว น้องฝึกงาน)