คู่มือสร้างชุดสีให้กับเว็บไซต์ (พร้อมตัวอย่างชุดสี 20 รูปแบบ)

ปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิทยาสี ด้วยคู่มือสร้างชุดสีให้กับเว็บไซต์อันสมบูรณ์แบบ พร้อมตัวอย่างชุดสี 20 รูปแบบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบออนไลน์ของคุณ

การสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้เริ่มชินกับหน้าเว็บไซต์ ต้องใช้เทคนิคที่มากกว่าการทำให้เว็บไซต์ไหลลื่น หรือเทคโนโลยีระดับสูง นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่ากราฟิกดีไซน์ ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นกว่าใครในท้องตลาดที่มีการแข่งขันหนาแน่น

ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง “สี” คือเครื่องมือทรงพลังที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างแท้จริง ด้วยจิตวิทยาของสีที่ผ่านการพิสูจน์มานานนับศตวรรษ ถ้าคุณใช้สีอย่างชาญฉลาดจะทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อยู่ในเว็บของคุณนานขึ้น

ในบล็อกนี้เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีใช้ชุดสีอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ ทำความเข้าใจเรื่องจิตวิทยาของสีให้เหมาะสมตามอุตสาหกรรมที่คุณอยู่ 

ความสำคัญของชุดสีกับเว็บไซต์

เหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับชุดสีบนเว็บไซต์ ก็เพราะในอดีตสีที่ใช้บนเว็บไซต์ได้มีจำกัด แต่พอเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสีสันมากมาย การออกแบบเว็บไซต์จึงต่างไปจากเดิม นอกจากข้อมูลและความไหลลื่นเวลาใช้งานแล้ว ยังต้องนึกถึงหน้าตาที่เปรียบเสมือน “แผงขายของหน้าร้าน” อีกด้วย

การเลือกชุดสีสำหรับใช้ในเว็บไซต์อย่างรอบคอบ จะช่วยให้เอกลักษณ์ของแบรนด์คุณสื่อสารได้อย่างตรงเป้าหมาย ส่งผลกระทบต่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ด้วยหลักการจิตวิทยาสี

ตัวอย่างเว็บไซต์ยอดนิยมที่เลือกใช้ชุดสีได้เป็นอย่างดีก็คือ Netflix สีดำและสีแดง เพื่อสร้างอารมณ์ที่ทำให้คุณเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ ด้วยการ ”หรี่แสง” ทุกครั้งก่อนเริ่มดูหนัง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

LinkedIn เลือกใช้สีขาว สีน้ำเงินและสีเทา เพื่อให้บรรยากาศที่ดูจริงจัง เลียนแบบความรู้สึกของการอยู่ในสถานที่ทำงาน 

ในระดับจิตวิทยา สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้พฤติกรรมผู้ใช้กระทำตัวเหมือนอยู่ในสภาพแวดล้อมของมืออาชีพจริง ๆ แต่ใน Instagram กระตุ้นให้ผู้ใช้อยู่ในสังคมที่สนุกสนาน

ทำความเข้าใจพื้นฐานของสี

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่องของชุดสีที่ใช้ในเว็บไซต์ เราต้องเข้าใจเรื่องพื้นฐานวงล้อสี สีหลัก สีรอง และวิธีการนำไปใช้ รวมถึงการจับคู่สีต่าง ๆ 

วงล้อสี

วงล้อสีจะแสดงสเปกตรัมของสีออกมาให้เราเลือกใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ ประกอบไปด้วยสีหลัก (แดง เขียว น้ำเงิน) และสีรอง (ส้ม เขียวและม่วง) ซึ่งสามารถจับคู่ผสมกันในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เพื่อสร้างเอฟเฟกต์และจิตวิทยาที่หลากหลาย

เพื่อสร้างชุดสีที่เข้ากัน เราสามารถใช้คู่สีที่อยู่ตรงข้ามมาจับคู่ได้ ถึงแม้จะดูตัดกันแต่ก็เข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น สีส้มและน้ำเงิน สีแดงและสีเขียว หรือสีเหลืองและสีม่วง เป็นต้น

สีหลัก

สีแดง น้ำเงิน และเหลือง เป็นแม่สีหลักสามสีที่เป็นเหมือนรากฐานของวงล้อสี ให้คุณพิจารณาเรื่องการใช้สีเหล่านี้เป็นพื้นฐาน สำหรับการใช้บนเว็บไซต์ ให้นักออกแบบสามารถเลือกสีอื่น ๆ มาจับคู่ได้อย่างหลากหลาย

สีรอง

การผสมสีหลักทั้งสองสีเข้าด้วยกันจะทำให้เกิดสีรองซึ่งได้แก่ สีเขียว สีส้ม และสีม่วง ในงานศิลปะจะใช้เทคนิคนี้เพื่อช่วยสร้างความหลากหลาย และสีรองแต่ละประเภทก็มีลักษณะทางจิตวิทยาของแม่สีทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรานำสีน้ำเงินอันเงียบสงบผสมผสานกับสีเหลืองและสีเขียว จะช่วยทำให้ความเงียบสงบและความมีสีสันมาสู่งานออกแบบเว็บไซต์

เลือกสีที่ใช่

การเลือกชุดสีที่ใช่สำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อองค์กร แสงที่มีผลต่อหน้าจอผู้รับสาร ซึ่งมีหลากหลายปัจจัยมากให้คุณพิจารณา

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาการใช้สี

ก่อนจะเลือกใช้สี ให้คำนึงถึงการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่น เพศ หรือสถานที่อยู่ของพวกเขา 

ตัวอย่างเช่น หากเรากำลังออกแบบเว็บไซต์ที่มีเป้าหมายไปที่ผู้บริโภค Gen Z ในสหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์ในเครือที่กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชมที่มีอายุใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความต่างของวัฒนธรรมทั้งสองที่มีความต่างกันมาก ทำให้เวลาเลือกสีจะต้องคิดให้ถี่ถ้วน เป็นต้น

แบรนด์คือตัวกำหนดว่าสีที่ควรใช้คืออะไร หรือจะใช้จิตวิทยาสีเป็นตัวกำหนดว่าแบรนด์อยากให้ผู้ชมรู้สึกอย่างไรเมื่อเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ รวมถึงแสงที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอเป็นอีกปัจจัยสำคัญ (RGB) สีที่ต้องใช้พิมพ์ลงบนวัสดุ (CMYK) ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจทั้งหมด

วิธีการสร้างชุดสีที่เข้ากันได้ดี

เราสามารถใช้วงล้อสีเพื่อกำหนดชุดสีที่สร้างความกลมกลืนในงานออกแบบเว็บไซต์  โดยการใช้หลักการสีคู่ตรงข้ามหรือสีคล้ายคลึงได้

ตัวอย่างเช่น สีน้ำเงินใช้ร่วมกับสีม่วงและสีเขียว เพื่อสร้างชุดสีที่กลมกลืนโดยอาศัยทฤษฎีสีคล้ายคลึง สามารถปรับแต่งเฉดสี ความอิ่มตัว และรหัส HEX เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ มาสู่งานออกแบบได้ ซึ่งมีผลทางอารมณ์ต่อผู้ใช้งาน

สีคู่ตรงข้ามช่วยยกระดับสีหลัก

สีคู่ตรงข้ามสามารถสร้างความกลมกลมกลืนผ่านความต่างในวงล้อสี ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานบนเว็บไซต์ที่มีการเคลื่อนไหวและผลิตภัณฑ์สินค้ามากมาย ทำให้ผู้ชมเข้ามาอ่านได้ง่าย

ทำความรู้จักกับตัวเลือกการใช้สี

ทฤษฎีการใช้สีมีมากมายและมีตัวเลือกการใช้สีมากมาย แล้วเราจะเลือกได้อย่างไร? เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน

สีโทนกลางและเอิร์ธโทน

สีที่ดูแล้วสบายตา เนื่องจากเป็นสีที่ปรากฎอยู่ในธรรมชาติ ทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และพร้อมรับข้อเสนอทางธุรกิจมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น สีเขียวของป่า น้ำเงินจากน้ำทะเล สีน้ำตาลจากดิน สีเนื้อจากทราย หรือสีเทาจากก้อนหิน เหมาะกับเว็บไซต์ที่สนับสนุนเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) การกุศล แนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว หรือสินค้าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค

วิธีใช้พื้นที่ว่าง (White Space)

ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยภาพและข้อความากมาย ดังนั้นการเว้นที่ว่างระหว่างสิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้เกิดความสมดุล เหมือนกับได้พื้นที่หายใจรับอากาศบริสุทธิ์

พื้นที่ว่างสำหรับในงานออกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นสีขาว แค่เว้นพื้นที่เปล่าไว้ข้างวัตถุหลัก ซึ่งช่วยให้มองเห็นองค์ประกอบอื่น ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดี

พื้นหลังสีขาว พื้นหลังสีดำ ช่วยสร้างความชัดเจนแก่เส้นทางการใช้เว็บไซต์ ทำให้รายการเมนูค้นหาและพิมพ์ได้ง่ายขึ้น หมายความว่าอ่านได้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง

วิธีใช้สีสว่าง

โทนสีที่สว่างสดใสและโดดเด่นเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการออกแบบเว็บไซต์มานานหลายปี เนื่องจากสีประเภทนี้ช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างผลกระทบในเทรนด์โซเชียลมีเดียได้ดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือสีนีออนในช่วงปี 1980s – 1990s 

ถ้าอยากให้โทนสีแนวนี้มีความสมดุลมากขึ้น ให้ลองจับคู่สีนีออนสว่างหรือสีพาสเทล กับสีที่มีโทนกลางตัดกัน เช่น สีดำ สีเนื้อ หรือสีเทา 

เน้นสีจัดจ้าน

การออกแบบเว็บไซต์ สีที่จัดจ้านไม่เพียงแต่ทำให้เว็บไซต์โดดเด่น แต่ยังทำหน้าที่ให้ผู้ชมเว็บไซต์สนใจปุ่มต่าง ๆ ในเว็บไซต์เพิ่มขึ้น

สามารถใช้เพื่อดึงดูดสายตาไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของการออกแบบเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี สีที่นิยมใช้ได้แก่ สีแอซิดไลม์ สีพาสเทลลาเวนเดอร์ สีอัญมณี อย่าง สีแดงเข้ม สีเขียวมรกต และสีน้ำเงินแซฟไฟร์

ถ้าคุณกำลังมองหาชุดสีสำหรับการออกแบบเว็บไซต์ เรามีชุดสี 20 รูปแบบสำหรับใช้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณ ตั้งแต่สีโทนกลางที่ผ่อนคลายไปจนถึงสีโทนเข้มแสนสนุกสนาน

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 1: Trendy

แรงบันดาลใจไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล สามารถหาได้ในโซเชียลมีเดีย ได้แก่ สีชมพูบานเย็นนีออน สีส้มปะการัง และสีแดงสด สามารถสร้างความคอนทราสต์ได้ดี

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 2: Elegant

ทำให้โทนของเว็บไซต์หรูหรา โปร่งสบายด้วยสีโทนกลาง ให้สายตาผู้ชมผ่อนคลายด้วยสีครีม สีบีฟ และสีชมพู ตามด้วยสีน้ำเงินกรมท่าสุดหรู

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 3: Quirky

สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการความสนุกสนาน แหวกแนว และขี้เล่น มีความพาสเทลที่สดใส ประกอบด้วยสีเหลือง สีเลม่อน สีม่วงพาสเทล สีส้ม และสีเขียวพาสเทล

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 4: Sporty

หากคุณอยากได้ลุคความเป็นสปอร์ต ให้ใช้สีโทนอุ่นที่สุดแสนมีชีวิตชีวา ร่วมสมัย เข้ากันได้ดีระหว่างสีเหลืองและสีส้ม ตามด้วยสีเทาและสีดำแบบมินิมอล

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 5: Minimalist

ความมินิมอลไม่จำเป็นต้องใช้สีดำและขาว สามารถใช้สีเอิร์ธโทนเพื่อให้ดูทันสมัย เหมาะสมกับเว็บไซต์ที่ให้บริการเอเจนซี่และสถาปัตยกรรม

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 6: Sophisticated Tech

เว็บไซต์เทคโนโลยีถูกใจสิ่งนี้! ใช้สีเขียวทะเลนีออนและสีดำคล้ายกับหนังเรื่อง The Matrix ตามด้วยสีกรมท่า สีชมพูคามีโอ สีฟ้าน้ำทะเลอ่อน และสีเอิร์ธโทน

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 7: Sleek

ชุดสีที่ให้ความเป็นเมือง เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีธีมเป็นกีฬา เทคโนโลยี หรือวิศวกรรม มีความคอนทราสต์สูงทำให้เว็บไซต์อ่านได้ง่าย

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 8: Urban

ถ้าความเป็นอีโมคือตัวคุณ โทนสีนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมภายในเมือง เหมาะสมกับการใช้ในเว็บไซต์เกมและแอปโซเชียลมีเดีย ประกอบด้วยสีเขียวนกเป็ดน้ำ สีแดงเข้ม และสีดำ

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 9: Playful

หากคุณชื่นชอบการออกแบบสำหรับวัยรุ่น มีความล้ำสมัยและชื่นชมในแฟชั่น ให้ลองใช้ชุดสีนี้ซึ่งประกอบด้วย สีแดงเข้ม สีงาช้าง และสีเหลืองมัสตาร์ด ให้ดูมีสไตล์กว่าใคร

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 10: Intellectual

สีม่วงอันลึกลับชวนมอง ให้ความรู้สึกฉลาดล้ำเกินจินตนาการ สามารถใช้โทนสีคล้ายคลึงโดยการลดเฉดสีลงได้

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 11: Neon

ถ้าคุณมีโอกาสมองไปยังถนนในโตเกียว คุณจะรู้เองว่าทำไมแสงนีออนถึงพิเศษ โดดเด่นและสว่างกว่าใคร ๆ ทำให้สีนี้เป็นที่นิยมในการทำเว็บไซต์ เพราะสีนีออนใช้งานได้ดีบนพื้นหลังสีเข้ม สียอดนิยมได้แก่ สีชมพู สีเขียวเอเลี่ยนและสีส้ม

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 12: Muted Pastel

สีพาสเทลไม่จำเป็นต้องสื่อถึงความเด็กเสมอไป สื่อถึงความเป็นผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน ชุดสีนี้เหมาะกับการทำให้เว็บไซต์มีความเงียบสงบและสุขภาพดี เหมาะกับเว็บไซต์โยคะและแอปพลิเคชั่นเพื่อสุขภาพ

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 13: Deep Tones

หากไฟนีออนสว่างเกินไปสำหรับคุณ ลองใช้สีโทนเข้มเพื่อหลีกหนีความหม่นหมองยามค่ำคืน ด้วยสีน้ำเงินโคบอลต์เข้มและสีชมพูม่วงเข้ม

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 14: Light

ชุดสีสไตล์มินิมัลที่ใช้สีโทนกลางเป็นหลัก ไล่ระดับความอ่อนไปเรื่อย ๆ เหมาะกับเว็บไซต์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ หรือสำนักข่าว ความเรียบง่ายแบบนี้จะช่วยให้ภาพถ่ายและตัวหนังสือโดดเด่น

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 15: Unexpected Elegance

แม้ว่าแฟชั่นหลายประเภทจะชอบความมินิมอล แต่ความหรูหราก็ควรเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วย ซึ่งเฉดสีม่วงพาสเทล สีเขียวมิ้นต์ และสีชมพูปะการัง เข้ากันได้ดีกับสีเขียวป่าไม้

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 16: Warm Tones

การใช้สีโทนอุ่นในเว็บไซต์เป็นเทคนิคที่ใช้กันมานาน เพื่อให้เว็บไซต์มีความเป็นมิตรและอบอุ่นยิ่งขึ้น คุณจะสังเกตว่าธุรกิจที่โด่งดั่งมักใช้สีโทนนี้เป็นหลัก

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 17: Earthy

ตามที่เคยกล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าสีเอิร์ธโทนเป็นสียอดนิยมสำหรับนักออกแบบเว็บไซต์ ลองใช้ชุดสีแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างสีนีออนแอ๊บซินท์ สีน้ำเงินและสีม่วงเข้ม 

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 18: Dark Neutral

หากต้องการคอมโบสีที่ให้ความรู้สึกเหนือกาลเวลา มองได้นานไม่มีสะดุดสายตา ให้เลือกโทนสีที่เป็นกลางออกไปทางเข้ม คล้าย ๆ กับแร่ตามธรรมชาติ

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 19: Eco

นักอนุรักษ์ระบบนิเวศหรือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอาจชอบชุดสีแบบนี้ หลีกเลี่ยงความเขียวจากป่าไม้ กลายมาเป็นสีฟ้าจากมหาสมุทราสุดกว้างใหญ่

ชุดสีเว็บไซต์ที่ 20: Juicy

ชุดสีจากเขตร้อนที่ให้ความสนุกสนานและสดชื่น สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการความเป็นทางการมากมายนัก ประกอบด้วยสีชมพูเอซิด สีม่วงเข้ม สีเหลืองไข่แดง และสีมะนาว

ถ้าท่านใดสนใจใช้งานภาพจากตัวอย่างสีทั้งหมดเหล่านี้ สามารถติดต่อเราได้ที่

Inbox : https://bit.ly/3RtAnGn  

LINE Official Account : https://bit.ly/3Rz00FU

Instagram : https://bit.ly/3qi0VOR

Website :  www.number24.co.th

บทความโดย : The Ultimate Guide to Creating a Website Color Scheme (Plus 20 FREE Color Palettes)

เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24