แสงสนธยาหรือแสงช่วงเย็นที่เราๆเรียกกัน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี แต่ในฤดูหนาวแสงนี้จะสวยงามมากขึ้นและยาวนานขึ้นเป็นพิเศษ โอกาสที่จะได้ภาพอันสวยงามจึงเพิ่มขึ้นในฤดูกาลแห่งนี้ เรามาดูกันว่าวิธีถ่ายภาพมนตราแห่งแสงสนธยาฤดูหนาวจะเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเราเข้าใกล้ฤดูหนาวมากขึ้น จะสังเกตได้ว่าช่วงกลางวันจะสั้นลงและกลางคืนจะยาวนานมากขึ้น ช่วงเวลาก่อนรุ่งสางและพลบค่ำจึงยาวนานมากขึ้นด้วยนั่นเอง
ช่วงพลบค่ำคือช่วงเวลาแห่งเวทมนต์ที่พระอาทิตย์ยังคงส่องแสงแม้ไม่จะมองไม่เห็นตัวตนของมันแล้วก็ตาม แสงนี้จะให้ความรู้สึกลึกลับพิศวงดั่งเทพนิยาย สีสันรอบตัวคุณจะชัดเจนและบางเบาเป็นพิเศษ แม้จะใกล้กลางคืนแล้วแต่แสงก็ยังคงมีให้คุณถ่ายรูปได้ โดยสีที่คุณจะเห็นได้บ่อยก็คือชมพู ม่วง ฟ้า
นี่จึงเป็นโอกาสในการถ่ายภาพแสงสนธยาที่มากที่สุดในช่วงปี เตรียมกล้องของคุณให้พร้อมแล้วไปดูเทคนิคต่างๆกันเลย
การวางแผนคือสิ่งสำคัญ
คุณไม่จำเป็นต้องกลายเป็นคนฝืนตื่นเช้าหรือฝืนนอนดึกไปเสียทุกวัน คุณแค่ต้องวางแผนก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมและพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างแรกคุณต้องสังเกตว่าแสงสนธยามาช่วงเวลาใดในทุกๆวัน ทุกที่บนโลกจะเกิดแสงนี้ในเวลาที่ต่างกันเสมอ หลังจากเลือกเวลาแล้วให้เลือกสถานที่เพื่อวางแผนเวลาในการเดินทาง ไปให้ถึงก่อนเกิดแสงนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง
หามุมที่คิดว่าสวยงามที่สุดแล้วลองจัดวางองค์ประกอบของภาพ จากนั้นเลือกวัตถุหลักที่เป็นจุดเด่นแล้วสังเกตว่าสิ่งนั้นเคลื่อนไหวได้หรือไม่ คุณจะได้ไม่ตกใจตอนถ่ายจริง
สิ่งที่ทำให้ภาพแสงสนธยาฤดูหนาวสวยงามกว่าฤดูไหนๆก็คือหิมะ จินตนาการดูว่าแสงพลบค่ำกระทบกับฉากสีขาวที่นุ่มนวลสายตาจะน่ารับชมเพียงใด เหมาะกับการมีไว้ในพอร์ตโฟลิโอของคุณอย่างที่สุด
แต่ถ้าไม่มีหิมะรอบตัวคุณ แนะนำให้มองหาแม่น้ำหรือทะเลเพื่อสร้างเงาสะท้อนเพราะเงาจะช่วยยกระดับภาพของคุณให้น่ามองยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งที่คุณต้องเตรียม (นอกจากกล้อง)
การถ่ายภาพแสงสนธยาคือการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย หมายความว่าสปีดชัตเตอร์จะต้องช้าเพื่อให้แสงเข้ามายังตัวเซนเซอร์ให้ได้มากที่สุด แต่ยิ่งสปีดชัตเตอร์ช้าเท่าไหร่หมายความว่าความเสี่ยงที่จะได้ภาพเบลอยิ่งเยอะเท่านั้น
เพราะฉะนั้นก่อนจะจับกล้องให้มองหาขาตั้งกล้องก่อน เพื่อป้องกันการสั่นหรือการเคลื่อนไหวใดๆก็ตามที่จะทำให้ภาพเบลอ ทำให้กล้องคุณนิ่งให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้จะดีกว่า
ด้วยเหตุผลข้างต้นเราจึงแนะนำว่าคุณควรมีรีโมทชัตเตอร์ เพื่อที่คุณจะได้ไม่แตะต้องตัวกล้องถี่จนเกินไป และอย่าลืมนำสายคล้องกล้องออกให้หมดเพราะถ้าลมแรงกล้องคุณสั่นแน่นอน
ตั้งค่ากล้องอย่างไรให้ได้ภาพที่สวยงาม
การถ่ายภาพทุกชนิดนั้น ไม่มีกำหนดตายตัวว่าการตั้งค่ากล้องแบบใดถึงจะทำให้ภาพสวย หรือถ้าคุณตั้งค่ากล้องเร็วถือว่าเก่ง ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นเพราะทุกครั้งที่คุณถ่ายภาพจะพบเจอกับข้อผิดพลาดทุกครั้งก่อนจะเริ่มคุ้นเคยกับการตั้งค่ากล้องที่เหมาะสม ยิ่งคุณฝึกฝนเท่าไหร่คุณยิ่งรู้ถึงข้อจำกัดของกล้องเท่านั้น
อย่าลืมว่าแสงจะยิ่งเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่คุณถ่าย คุณต้องคอยสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าไปเรื่อยๆตามที่คุณต้องการ ว่าแต่คุณรู้หรือไม่ว่าแสงสนธยานั้นมี 3 ช่วงเวลา
ระยะแรกคือช่วงก่อนที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าประมาณ 30 นาที (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) คุณจะเห็นแสงโทนอุ่นขึ้นและค่อยๆมอดดับลง
ระยะสองคือช่วงพลบค่ำยามแสงโทนอุ่นมอดดับลง จนถูกแทนที่ด้วยแสงน้ำเงินและม่วงฟ้า
ระยะสามคือช่วงก่อน 30 นาทีที่รอบๆตัวกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและค่อยๆกลายเป็นมืดสนิท
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะมืดสนิทเพราะวัตถุรอบๆตัวคุณจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ภาพของคุณสวยงามเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถ่ายภาพวิวเมืองจะมีแสงจากไฟถนนช่วยยกระดับวัตถุรอบๆให้ชัดขึ้น
ใช้โหมด M – Manual เพื่อให้คุณควบคุมทุกอย่างในกล้องได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้ายังไม่ถนัดก็ใช้โหมดควบคุมรูรับแสง A – Aperture แนะนำว่าให้ตั้งค่าไว้ที่ F/8 – F/13 เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนทั้งภาพ (ในกรณีถ่าย Landscape)
ใช้ ISO อยู่ที่ไม่เกิน 100 – 400 เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ภาพจะเกิด Noise ขึ้นมาเยอะเกินรับมือ เบื้องต้นคือให้ใช้ ISO ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสียดีกว่า
แม้ว่าการถ่ายแสงยามสนธยาไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้ แต่การฝึกฝนพร้อมขาตั้งกล้องนั้นจะช่วยยกระดับผลงานของคุณให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน แล้วคุณก็จะได้ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงไปตลอดช่วงหน้าหนาวนี้