สีคือตัวกำหนดในการมองโลกตามวิถีที่เราเกิด มาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของสีในวัฒนธรรมทั่วโลกกันดีกว่า ว่าสีเหล่านั้นกำหนดอะไรไว้ให้เรารู้บ้าง
ในศิลปะและมานุษยวิทยา สัญลักษณ์ของสีหมายถึงความสามารถในการสื่อความหมาย ความคิด และอารมณ์ด้วยสี คุณคงเคยได้ยินศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า “I had the blues. หรือ I saw red.” ผ่านหน้าผ่านตามาแล้ว
สีแดงสื่อถึงความหลงใหลและความก้าวร้าว ส่วนสีน้ำเงินสื่อถืงความอนุรักษ์นิยมหรือสันติสุข ทำไมเราถึงรู้? เพราะสีเหล่านี้คือเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ระดับสากล ซึ่งเราจำได้ตั้งแต่เด็ก
นอกจากนี้ อิทธิพลทางวัฒนธรรมหลายอย่าง ก็สามารถส่งผลต่อทัศนคติการมองสีได้เช่นกัน เช่น การเมือง ประวัติศาสตร์ (สีธงชาติ) ศาสนา ความเชื่อ แม้กระทั่งความสัมพันธ์ทางภาษา (สำนวน)
ถ้าคุณต้องใช้คู่สีหรือชุดสีใด ๆ กับการสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณ สามารถเข้าไปใช้ Shutterstock color palette generator ได้ เพราะเรามีสเปกตรัมสีให้คุณเลือกใช้จำนวนมาก แต่ก่อนจะใช้เครื่องมือนี้คุณควรรู้ความหมายของสีในวัฒนธรรมทั่วโลกกันก่อน เพื่อประกอบข้อมูลการใช้สีในอนาคต!
สัญลักษณ์ของสีคืออะไร?
สัญลักษณ์ของสีคือวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม อันเกี่ยวข้องกับสีและหลักการจิตวิทยาในสังคมมนุษย์
เป็นเวลากว่าพันปีมาแล้วที่สีต่าง ๆ กลายมาเป็นตัวแทนความหมายในเหตุการณ์สำคัญ ความหมายของสีเหล่านั้นมักมีความเกี่ยวข้องระดับสากล และบางกรณีก็มีความหมายเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ที่ใดบนโลก
ตัวอย่างเช่น ในวัฒนธรรมตะวันตก สีขาวคือสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสา เป็นสีชุดดั้งเดิมที่เจ้าสาวชาวตะวันตกชอบใช้ ต้องขอบคุณราชินีวิกตอเรียผู้เริ่มแฟชั่นชุดแต่งงานด้วยสีขาวในปี 1840 แต่ในวัฒนธรรมตะวันออก สีขาวมักสื่อถึงความตาย เจ้าสาวชาวจีนจึงเลือกใช้เสื้อคลุมสีแดงมากกว่า เพราะถือว่าเป็นสีแห่งความเจริญรุ่งเรือง นำโชคลาภมาให้
เวลาที่คุณคิดจะใช้สีใด ๆ ก็ตามต้องคิดดี ๆ เพราะความหมายของสีโดยลึกนั้นมีมากมาย ทำให้เราเข้าใจสังคมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
สีแดง – สีแห่งชีวิต
สีแดงในระดับสากลคือสีแห่งชีวิต ความแข็งแกร่ง และร้อนแรง มักใช้สื่อสารเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไฟ ความก้าวร้าว และการมีแรงกระตุ้น ในบางวัฒนธรรมสีแดงสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงกับพิธีกรรม และความบริสุทธิ์
สีชมพู – สีแห่งความรัก
ทุกวันนี้สีชมพูคือสีแห่งความเป็นหญิง แต่ในช่วงปี ค.ศ.1920 สีชมพูเป็นสีที่เด็กผู้ชายและชายแท้ในสหรัฐอเมริกาสวมใส่กันทั่วไป แต่ไม่กี่ทศวรรษผ่านมา สีชมพูได้รับการยอมรับจากวัฒนธรรมของเพศทางเลือกและกลุ่มเฉพาะบางกลุ่ม เช่น วัยรุ่นสายพังก์ปี 1970 และ กลุ่ม LGBTQ+ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
สีเหลือง – สีแห่งความสุข
สีเหลืองคือสัญลักษณ์แห่งดวงอาทิตย์ และการเบ่งบานของดอกไม้ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ มีความสว่างสดใส อบอุ่น และมีความสุข ผงาดขึ้นเจิดจ้าท่ามกลางความร้อนแรงของแสงสีแดง ถูกนับว่าเป็นสีแห่งความโชคดีในหลาย ๆ วัฒนธรรมทั่วโลก ในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ทุกครอบครัวจะนำริบบิ้นสีเหลืองมาแปะไว้ข้างผนังบ้านเพื่อมอบความหวังให้กับผู้เป็นที่รักในยามสงคราม
สีน้ำเงิน – สีแห่งสันติสุข
สีน้ำเงินคือสีที่เย็นที่สุดในสเปกตรัมของสี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสีส้มในวงล้อสี เป็นสีที่สื่อถึงความสงบ มักถูกเปรียบเทียบได้กับท้องทะเลและผืนฟ้า ให้ความรู้สึกมั่นคงจากภายใน ด้วยลักษณะที่มีความเยือกเย็นทำให้มีการเชื่อมโยงไปยังแนวคิดอนุรักษ์นิยมทั่วโลก โดยสีน้ำเงินกรมท่ามักถูกนำไปใช้เป็นเครื่องแบบในหน่วยงานรัฐบาล
สีเขียว – สีแห่งความขี้อิจฉา
นอกจากความขี้อิจฉา สีเขียวยังมีความหมายเชิงบวกในระดับสากลที่เชื่อมโยงกับความมีชีวิตชีวาอีกด้วย เป็นสีแห่งการเติบโตของพืชพรรณต่าง ๆ ที่สีเขียวได้รับอีกฉายาว่าเป็นสีแห่งความขี้อิจฉาก็เพราะในปี 1603 คุณ William Shakespeare นำวลีว่า “Green-eyed monster” มาเปรียบเปรยกับความขี้อิจฉาในวรรณกรรม Othello จนปัจจุบันกลายเป็นสำนวน “Green with envy” ในวัฒนธรรมตะวันตก
สีดำ – สีแห่งความตาย
สีดำคือสัญลักษณ์แห่งความตายและการคร่ำครวญ แต่ในทางกลับกันก็เป็นสีแห่งความหรูหราเงางามเช่นกัน มักถูกนิยมใช้ในงานออกแบบสไตล์มินิมอล ทำให้เห็นว่าสีดำก็ไม่ใช่สีแห่งความหายนะและเศร้าโศกไปเสียทั้งหมด สีที่มืดมนนี้มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะสีดำสามารถทำให้ผู้สวมใสเพรียวบาง รวมถึงเป็นพื้นหลังที่ให้ความสง่าและหรูหรา เหมาะกับงานเครื่องประดับเพชรพลอย
ค้นหาความหมายของสีทั่วโลกไปด้วยกัน
สีเหลืองคือสีแห่งความภักดีในประเทศจีน สีน้ำเงินคือสีแห่งเครื่องรางความเชื่อในยุคอียิปต์โบราณ เห็นได้ชัดว่าสีมีความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ที่หลากหลาย อันเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณไปจนถึงจิตวิทยา ซึ่งต่อไปนี้เราจะมาบอกข้อมูลให้ทุกคนทราบว่า ความหมายเบื้องหลังของสีต่าง ๆ ในวัฒนธรรมทั่วโลกมีอะไรบ้าง
สีแดง
เกือบทุกที่ทั่วมุมโลกจะมองว่าสีแดงคือสัญลักษณ์แห่งความก้าวร้าว ความมุ่งมั่น และแรงกระตุ้น ซึ่งโดยหลักมักถูกเชื่อมโยงกับเลือดทั้งทางวัฒนธรรมและวรรณกรรมที่เกี่ยวกับความรุนแรง ราคะ และความโรแมนติก
แต่ก็ยังมีอีกหลายวัฒนธรรมที่มองสีแดงแตกต่างจากที่อื่น ในประเทศจีนมองสีแดงว่าคือสีแห่งความโชคลาภ วันปีใหม่จีน (ตรุษจีน) เด็ก ๆ จะได้รับอั่งเปาสีแดง (紅包, hóngbāo) ซึ่งบรรจุเงินไว้ข้างใน เจ้าสาวชาวจีนจะสวมชุดสีแดงเพื่อหวังว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว ในฝั่งตะวันตกมองว่าสีแดงคือสีที่แฝงความโรแมนติก เพราะเป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์ของนักบุญวาเลนไทน์
เฉดสีแดงยอดนิยม
- Crimson: แข็งแกร่ง สว่างไสว และลึกล้ำซึ่งถูกผสมโดยสีน้ำเงินและม่วง
- Maroon: น้ำตาลแดงเข้ม ได้ชื่อมาจากผลเกาลัดในภาษาฝรั่งเศส (Marron)
- Vermilion: สีแดงสว่างสดใส ที่ได้ชื่อมาจากผงแร่ซินนาบาร์
สีแดงคือสีที่ดึงดูดสายตาและตัดกับสีอื่นค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ เป็นผลให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกใช้สีแดงเป็นสัญญาณหยุดในไฟจราจรและการเตือน
ในพจนานุกรมหลายสถาบันระบุไว้ว่า ไฟหรือเลือดคือความหมายของ”สีแดง” เป็นสีอเนกประสงค์ที่มีความหมายแฝงเชิงบวกและลบในตัวเดียว ต่างกันที่ว่าใช้ในฝั่งตะวันออกหรือตะวันตก สีนี้จะกลายเป็นสีแห่งความโชคดีหรือใช้เป็นการเตือน โดยเฉพาะผู้ใช้เว็บสต็อกฝั่งเอเชียตะวันออก จะใช้สีแดงเพื่อบ่งบอกการขึ้นราคาของตลาดหุ้น แต่อเมริกาเหนือจะใช้เพื่อบ่งบอกราคาหุ้นร่วงแทน
นอกจากนี้ในฝั่งตะวันตก สีแดงมักเชื่อมโยงกับการหลงผิด ไม่ตรงบรรทัดฐานหรือพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การถูกจับได้คาหนังคาเขา (Caught red-handed) หรือ “Red flag” ธงแดงที่ใช้เป็นป้ายเตือน เป็นต้น
ในฝั่งแอฟริกาใต้ สีแดงคือสีแห่งการคร่ำครวญ แถบสีแดงในธงชาติสื่อถึงการนองเลือด ความรุนแรง และการเสียสละ ที่เกิดขึ้นในการต่อสู้เพื่อเอกราช
สีส้ม
สีส้มคือสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระภิกษุจะห่มจีวรสีส้มเพื่อแสดงความกตัญญู ในวัฒนธรรมตกวันตก สีส้มมักเกี่ยวกับฮาโลวีนและฤดูใบไม้ร่วง หรือใช้เป็นสีที่มองเห็นได้ชัดเจนสำหรับป้ายแจ้งเตือนหรือจราจร สีส้มส่วนใหญ่ถูกใช้ในความหมายเชิงบวก ด้วยลักษณะของสีที่อบอุ่นและมองโลกในแง่ดี ช่วยลดความก้าวร้าวจากสีแดงที่เกรี้ยวกราด
เฉดสีส้มยอดนิยม
- Coral: สีส้มแดงสดใสคล้ายปะการังใต้ทะเล
- Peach: สีส้มอ่อนออกไปสีชมพู คล้ายกับผลไม้
- Salmon: สีส้มชมพูเข้ม คล้ายสีของปลาแซลม่อน
สีส้มคือสีที่เห็นง่ายที่สุดในบรรยากาศแสงสลัว และมีความต่างจากสีของท้องฟ้าและมหาสมุทรอย่างสุดขั้ว จึงไม่แปลกที่จะเห็นสีส้มในชุดเสื้อชูชีพ และทุ่นลอยน้ำที่ใช้เฉดสีส้มเรียกว่า “Safety orange”
ฝั่งตะวันตก สีส้มมักเชื่อมโยงกับฤดูใบไม้ร่วงและเทศกาลเก็บเกี่ยว ถ้าจับคู่กับสีดำจะสื่อถึงเทศกาลฮาโลวีน ช่วงเวลาทีโลกคนเป็นกับโลกคนตายจะเชื่อมโยงหากัน นักวิชาการบางท่านกล่าวไว้ว่าสีส้มและสีดำ ถูกเลือกให้เป็นคู่ที่ปฏิปักษ์ต่อกัน เพราะสีส้มคือสีแห่งชีวิต และสีดำคือสีแห่งความตาย
วัฒนธรรมตะวันตกเชื่อมโยงสีส้มให้เกี่ยวกับความขี้เล่นและความสนุกสนาน ตัวตลกมักสวมวิกสีส้ม ภาพวาดตามตำนานต่าง ๆ มักสวมชุดผ้าคลุมสีส้ม เช่น แบคคัส (เทพเจ้าแห่งการผลิตไวน์ ความอุดมสมบูรณ์ การบูชาพิธีกรรมสุดบ้าคลั่ง และความปีติยินดีในศาสนา)
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ได้แก่ ลาว ไทย กัมพูชา และเมียนมาร์) พระภิกษุในประเพณีเถรวาทจะสวมจีวรเหลือง ซึ่งถูกเลือกขึ้นมาหลายศตวรรษก่อนเนื่องจากสมัยนั้นการผลิตสีย้อมผ้ามีตัวเลือกไม่กี่สี ประเพณียังคงสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน กลายเป็นสีพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์
มีเทศกาลหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เรียกว่า Oranjegekte (Orange craze) หรือความคลั่งไคล้สีส้ม จัดขึ้นในการแข่งขันกีฬาสำคัญอย่าง F1 Grand Prix และวันหยุดประจำปีเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของกษัตริย์
เมื่อเทศกาลนี้มาถึง ชาวดัตช์ทุกคนจะสวมเสื้อสีส้มและตกแต่งรถยนต์ บ้าน ร้านค้า และถนนด้วยสีส้ม
สีเหลือง
ในวัฒนธรรมตะวันตก สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์และการมองโลกในแง่ดี แต่ในฝั่งตะวันออกนั้นจะซับซ้อนเสียหน่อย ประเทศจีนมองว่าสีเหลืองคือสีที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ประเทศเม็กซิโกมองว่าสีเหลืองคือสีที่พาดผ่านทั้งชีวิตและความตาย เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาทางวัฒนธรรมของชาวมายัน
เฉดสีเหลืองยอดนิยม
- Canary: สีเหลืองสว่าง ได้ชื่อจากนก Canary
- Gold: สีเหลืองสดที่คล้ายกับแร่เหล็ก แสดงถึงความมั่งคั่ง
- Lemon Chiffon: สีเหลืองสว่างอ่อน เหมือนกับพายเลม่อนชิฟฟอน
ถ้าอยากสร้างความสนใจให้ผู้คน สีเหลืองคือสีที่เด่นที่สุดในสเปกตรัมสี และเป็นสีแรกที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตา
สีเหลืองมีอายุหลายพันปีมาแล้ว เป็นหนึ่งในสีแรก ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกซึ่งถูกใช้ในภาพวาดมนุษย์ถ้ำ เช่น ถ้ำ Lascaux ในประเทศฝรั่งเศส มีการวาดม้าด้วยสีเหลืองที่มีอายุ 17,000 ปี
ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และฝั่งยุโรป มีการค้นพบว่าผู้คนใช้สีเหลืองสื่อถึงความอ่อนโยนและความเป็นธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงความโลภและความไม่ซื่อตรง
ผู้คนในสหรัฐอเมริกามักเชื่อมโยงสีเหลืองเข้ากับความขี้ขลาด ดั่งวลี “Yellow-bellied” เป็นวลีที่ใช้เรียกคนขี้ขลาด
ประเทศจีนมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับสีเหลืองมาอย่างแน่นแฟ้น จักรพรรดิองค์แรกของจีนมีนามว่า “จักรพรรดิเหลือง” เมื่อราชวงศ์ซ่งสิ้นสุดลงในปี 1297 จักรพรรดิเป็นคนเดียวที่รับอนุญาตให้สวมผ้าสีเหลืองสว่าง นอกจากนี้พรมสีเหลืองยังถูกใช้เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้มาเยือนประเทศจีนอีกด้วย
ปัจจุบันในวัฒนธรรมป๊อปของจีน สีเหลืองยังถูกเชื่อมโยงไปในเรื่องอีโรติก หนังอย่างว่าสำหรับผู้ใหญ่จะถูกเรียกว่า “Yellow Movie”
สีเหลืองเป็นสีศักดิ์สิทธิ์ในประเทศโพลินีเซียน และถือเป็นสีแห่งแก่นแท้ ในภาษาท้องถิ่นสีเหลืองมีชื่อเดียวกับต้นขมิ้นชัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอาหารที่เทพเจ้าโปรดปราน
สีเขียว
สีเขียวคือสีแห่งการเติบโต กำเนิดชีวิตใหม่ และธรรมชาติ ซึ่งถูกสื่อออกมาในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามสีเขียวคือสีที่มีข้อขัดแย้งในตัวเองที่สุดในแง่ความหมายเชิงวัฒนธรรม สื่อได้ทั้งการเติบโตและความมีชีวิตชีวา แต่ก็มักถูกใช้ในแง่การเจ็บป่วยในฝั่งตะวันตกด้วย
นิทานพื้นบ้านของชาวไอริชและอังกฤษ มีการกล่าวถึงสีเขียวที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์และการหลอกลวง ตัวละครในตำนานเช่น เลเปรอคอนและเดอะกรีนแมนมักสวมผ้าสีเขียว ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์และซุกซน
เฉดสีเขียวยอดนิยม
- Forest Green: สีเขียวผสมเหลือง เกิดขึ้นจากธรรมชาติในผืนป่า
- Lime: สีเขียวเหลืองเข้ม ตั้งตามสีของผลไม้รสเปรี้ยว
- Olive: สีเขียวน้ำตาลเข้ม เฉดสีมีความหนักแน่น
จากการสำรวจแสดงให้เห็นว่าสีเขียวมักเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ฤดูใบไม้ผลิ และสุขภาพที่ดีทั้งในอเมริกาเหนือ-ใต้ ยุโรป และประเทศอิสลาม สีเขียวยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการเจ็บไข้ได้ป่วยและสุขภาพไม่ดีในวัฒนธรรมเดียวกันอีกด้วย ดั่งวลีที่เขียนว่า “Green around the gills” หมายถึงคนที่ป่วยให้เห็นทางสีหน้า เป็นต้น
แม้ว่าต้นกำเนิดของวลีนี้จะมาจากไหนไม่มีใครทราบ แต่ข้อสังเกตน่าจะมาจากเวลาที่ใครมีอาการป่วย ผิวหนังจะกลายเป็นสีเขียวเมื่อเกิดอาการคลื่นไส้ คุณจะสังเกตเห็นว่าร้านขายยาในยุโรปใช้สีเขียวในสัญลักษณ์รูปกากบาท ซึ่งครอบคลุมความหมายทั้ง 2 ประเภททั้งสุขภาพดีและแย่ในที่เดียวกัน
ในหลายวัฒนธรรม สีเขียวหมายถึงไปได้ในป้ายไฟจราจร เพื่อให้รถรู้ว่าควรผ่านไปได้ในช่วงใด ในฮอลลีวูดไฟเขียวหมายถึงกองโปรดักชั่น สำหรับคนที่ต้องการอพยพเข้าสหรัฐอเมริกาคุณต้องมี “กรีนการ์ด” เพื่อได้รับอนุญาตให้พำนักถาวรในประเทศ
ไอร์แลนด์ใช้สีเขียวสื่อความหมายคล้ายกับที่อื่น มีเกาะที่ถูกเรียกว่าเกาะมรกตเนื่องจากมีพื้นที่ชนบทที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ (เกิดจากฝนที่ตกหนัก) นักร้องคันทรี่ชาวอเมริกันยังแต่งเพลงที่เกี่ยวกับภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มของไอร์แลนด์ ไว้ในเพลงที่ชื่อว่า “Forty Shades of Green”
สีเขียวยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตโลกเวทมนต์ในนิทานพื้นบ้านประเทศไอร์แลนด์และอังกฤษ เช่น ภูติจิ๋วสวมชุดสีเขียว เลเปรอคอนจอมเจ้าเล่ห์จะคอยตามแกล้งผู้ที่ไม่สวมผ้าสีเขียวในวันเซนต์แพทริค ซึ่งเป็นวันหยุดของชาวไอริชที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองนักบุญคนสำคัญของพวกเขา
สีเขียวคือสีดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม และมีความเกี่ยวข้องกับสวรรค์ในอัลกุรอาน โดยมีข้อความศักดิ์สิทธิ์ระบุว่าชาวสวรรค์สวมชุดสีเขียวและนั่งบนเบาะสีเขียว สีโปรดของศาสดามูฮัมหมัดก็คือสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่เขานำฝังเข้าไปในโลงศพด้วย
สีน้ำเงิน
สีน้ำเงินคือสัญลักษณ์แห่งความสงบ การมีอำนาจ และสันติสุข ซึ่งถูกใช้เกือบจะเป็นสากลโลก สีที่ชวนให้ผ่อนคลายนี้ทำให้นึกถึงความกว้างใหญ่ของท้องทะเลและท้องฟ้าอันเงียบสงบ เป็นสีที่ปรากฎในศาสนาโบราณหลายศาสนา สีน้ำเงินมีความเชื่อว่าสามารถปกป้องภูติผีวิญญาณในชีวิตหลังความตายได้ในวัฒนธรรมเมโสโปเตเมียและอัสซีเรีย ในฝั่งตะวันตกสีน้ำเงินถูกใช้เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ และถูกใช้แสดงเชิงสัญลักษณ์ของเหล่านักอนุรักษ์นิยม สมาชิกรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือมักสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงิน
เฉดสีน้ำเงินยอดนิยม
- Cerulean: เป็นสีที่อยู่ท่ามกลางสี Teal, Sky-blue, Azure และ Deep cyan ชื่อมีที่มาจากศัพท์ลาตินว่า “Caeruleum” แปลว่า “ท้องฟ้า” หรือ “สวรรค์”
- Indigo: สีน้ำเงินเข้ม อยู่ข้างเฉดสีฟ้าบนวงล้อสี ตั้งชื่อตามสีย้อมผ้ายุคโบราณ
- Periwinkle: สีน้ำเงินม่วงอ่อน ตั้งชื่อตามดอกไม้
สีน้ำเงินสื่อถึงความกว้างใหญ่และครุ่นคิด ทำให้นึกถึงทะเลและท้องฟ้า เป็นสีที่ยกระดับวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมายบนโลกนี้ เพราะเป็นสีที่สื่อถึงความสงบได้ดีที่สุด เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการตกแต่งภายในเครื่องบินส่วนใหญ่จึงเป็นสีน้ำเงิน เพื่อให้ผู้โดยสารที่มีความวิตกเกิดความสบายใจที่สุด
ในโลกธุรกิจ สีน้ำเงินยังเชื่อมโยงกับลัทธิอนุรักษ์นิยม และเป็นสีชุดสูทและเครื่องแบบที่ถูกเลือกโดยรัฐบาลหลายประเทศ และองค์กรที่ภาครัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการทูต
ไม่แปลกใจที่องค์การสหประชาชาติเลือกใช้สีน้ำเงินในธง
สีฟ้ามีความหมายทางศาสนาที่สำคัญทั่วโลก และมักเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและภูมิปัญญา
ชาวอียิปต์โบราณเชื่อมโยงสีน้ำเงินกับความศักดิ์สิทธิ์และท้องฟ้า เทพอามุนผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิอียิปต์ (หรือเป็นที่รู้จักกันในนามราชาแห่งเทพเจ้า) ทำให้ผิวของพระองค์เป็นสีน้ำเงินเพื่อที่สามารถบินและล่องหนข้ามท้องฟ้า
ในศาสนาฮินดู เทพเจ้าต่าง ๆ เช่น พระวิษณุ พระกฤษณะ และพระศิวะต่างถูกมองว่ามีผิวสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงกับจักรวาล
Nazar หรือ Evil Eye เป็นชื่อของลูกปัดแก้วสีน้ำเงิน เกิดขึ้นเมื่อสมัยอียิปต์โบราณโดยมีที่มาจากดวงตาของเทพโอซิริส มีพลังในการปกป้องอันทรงพลัง ปัจจุบันผู้คนสวมลูกปัดนี้เป็นเครื่องรางป้องกันตัว
ชาวตุรกี กรีซ ปากีสถาน อิหร่าน และประเทศอื่น ๆ เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายและนำพาซึ่งความโชคดีมาให้
สีม่วง
สีแห่งความลึกลับ มนตรา และความมั่งคั่งในหลายส่วนของโลก บางวัฒนธรรมอย่าง อิตาลีและบราซิล ถือว่าสีนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความโศกเศร้าและโชคร้าย ในอดีตสีม่วงมีความหมายที่ซับซ้อนและส่วนใหญ่ไปในเชิงลบเสียมากกว่า ปัจจุบันสีม่วงถูกให้ความหมายและบทบาทใหม่กลายเป็นสัญลักษณ์ของไบเซ็กชวล หรือกลุ่ม LGBTQ+
เฉดสีม่วงยอดนิยม
Lavender: สีม่วงอ่อนปนน้ำเงิน มักถูกใช้สื่อสารเรื่องความอ่อนนุ่มและความเป็นผู้หญิง
Mauve: สีม่วงอ่อนปนเทาและน้ำเงิน ตั้งชื่อตามดอกไม้ Mallow (ชบา)
Plum: สีม่วงน้ำตาลเข้ม หรือม่วงปนแดง ตั้งชื่อตามผลไม้
ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา สีม่วงมักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งเวทมนต์ ความลึกลับ ความภักดี และความเลื่อมใสในศาสนา
ผ้าสีม่วงเคยมีราคาแพงมากในอดีต เพราะการผลิตเม็ดสีม่วง 1 กรัม ต้องใช้หอยขนาดเล็กถึงเก้าพันตัว ทุกวันนี้สีม่วงยังคงมีความหมายด้านความมั่งคั่ง หรูหรา และความพิเศษสุด Exclusive
สีม่วง (Purple) เป็นชื่อที่ได้มาจาก Tyrian Purple ผู้คิดค้นสีนี้ขึ้นมาที่เมืองการค้า “ไทร์” ของชาวฟินีเซียนเมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสีที่ชนชั้นจักพรรดินิยมใช้ ได้แก่ โรม อียิปต์ และเปอร์เซีย มีเพียงแค่คนรวยและมีอำนาจเท่านั้นที่จะซื้อได้
การผสมแม่สีแดงและน้ำเงินจะทำให้เกิดสีม่วง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สีนี้เกิดความคลุมเครือ ลึกลับ และเปิดกว้างให้ทุกคนสามารถตีความได้มากกว่า 1 ความหมาย
สีม่วงมักถูกเชื่อมโยงกับความไบเซ็กชวล เนื่องจากสีม่วงคือสีที่ใหญ่ที่สุดในธงของ LGBTQ+ ซึ่งถูกผสมรวมระหว่างสีชมพู (ตัวแทนรักร่วมเพศ) และสีน้ำเงิน (ตัวแทนรักเพศตรงข้าม)
สหรัฐอเมริกามองว่าสีม่วงคือความสมดุล ที่เกิดจากพรรครีพับลิกัน (สีแดง) และพรรคเดโมแครต (สีน้ำเงิน)
ในหลายวัฒนธรรม สีม่วงคือสีแห่งความตายและการไว้ทุกข์ แม่ม่ายชาวไทยมักใส่ชุดสีม่วง เช่นเดียวกับผู้ไว้ทุกข์ในศาสนานิกายคาทอลิกที่ประเทศบราซิล
ที่ประเทศอิตาลี สีม่วงจะเชื่อมโยงกับงานศพ ดังนั้นชาวอิตาลีจะมองว่าการห่อของขวัญด้วยกระดาษสีม่วงคือรสนิยมที่แย่ ดังนั้นเจ้าสาวจะหลีกเลี่ยงการใช้สีนี้ในวันสำคัญของตน
การใส่สีม่วงไปงานโอเปร่ายิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่!
สีขาว
สีขาวคือสีแห่งความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาในวัฒนธรรมตะวันตก เจ้าสาวมักสวมสีนี้ในวันสำคัญเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามในวัฒนธรรมตะวันออกหลาย ๆ มักใช้สีขาวในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เช่น ความตายและสิ่งเหนือธรรมชาติ แม้สีขาวจะเหมือนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า แต่กลับเป็นสีที่มีความซับซ้อนซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมทั่วโลก
เฉดสีขาวยอดนิยม
Cream: สีขาวที่ปนเหลืองเล็กน้อย ตั้งชื่อตามผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมวัว
Eggshell: สีขาวเหลืองอ่อน ที่มีความแวววาวเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
Ivory: สีขาวที่มีเฉดเหลืองเล็กน้อย ตั้งชื่อตามงาของสัตว์ที่มีเขี้ยว
สีขาวคือสีที่จืดจางที่สุด แสดงถึงความสมบูรณ์แบบ ความบริสุทธิ์ และความเป็นกลางในฝั่งตะวันตก แม้จะไม่มีสีแต่สีขาวก็มีบทบาทเด่นในศาสนาทั่วโลกอย่างน่าประหลาด
เด็กคริสเตียนจะสวมชุดสีขาวเพื่อเข้าพิธีศีลจุ่ม เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณผู้วัยเยาว์ ผู้ครองตำแหน่งพระสันตปาปา (หัวหน้าคริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิกชาวโรมัน) สวมชุดสีขาวมาตั้งแต่ปี 1566 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละและความจงรักภักดี
ผู้แสวงบุญขาวมุสลิมสวมชุดอิห์รอม ซึ่งเป็นชุดสีขาวแสนเรียบง่าย เพื่อแสดงว่าทุกคนเท่าเทียมกันต่อหน้าพระเจ้า
ชาวเบดูอิน (ชนเผ่าเร่ร่อนที่พูดภาษอาหรับในทะเลทรายแถบตะวันออกกลาง) จะมองว่าสีขาวคือนม เพราะนมคือสิ่งสำคัญในการอยู่รอดท่ามกลางสภาพแวดล้อมในทะเลทรายอันโหดร้าย
นมอูฐคืออาหารสุดยั่งยืนของกลุ่มคนเหล่านั้น มีคุณค่าทางอาหารสูง ดีต่อกระดูกและเสริมภูมิต้านทาน เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกเขามองว่าสีขาวคือสีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความรู้คุณค่า และความสุข
หลายคนคุ้นเคยกับชุดสีขาวของเจ้าสาวในประเพณีตะวันตก แต่อดีตย้อนไป 2,000 ปีก่อนในสาธารณรัฐโรมัน เจ้าสาวสวมเสื้อคลุมสีขาวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ทางเพศเช่นกัน
ในยุคสมัยใหม่เทรนด์สีขาวกลายเป็นแฟชั่น ซึ่งผู้นำเทรนด์คือสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ซึ่งในปี 1840 ทรงเลือกสวมชุดลูกไม้สีขาวแทนชุดพิธีราชาภิเษกตามประเพณีของราชวงศ์
แต่สีขาวก็ไม่ใช่สีที่เป็นมงคลเสียทีเดียว เพราะหลายวัฒนธรรมมองว่าสีขาวคือสีแห่งความตายและภูตผี (ในภาษาอังกฤษมีคำว่า “Pale as a ghost” ส่วนในไทยก็มี “ตัวซีดเหมือนผี”)
สีขาวยังแสดงถึงความตายในอียิปต์โบราณ เพราะสีของทะเลทรายยามค่ำคืนที่ไร้ชีวิตชีวา
สีดำ
สีดำคือสีแห่งความตายและเรื่องลี้ลับในทุกวัฒนธรรม เป็นสีที่มืดมนที่สุด เปรียบได้ดั่งตัวแทนของทุกสิ่งที่ไม่มีใครรู้จักในโลก สีแห่งโลกกลางคืน โลกใต้ดิน และเส้นขอบเขตของโลกคนตาย
แต่สีดำก็ยังมีแง่มุมเชิงบวกอยู่ แม้ว่าส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับความตายและเรื่องเหนือธรรมชาติก็ตาม
ในสังคมตะวันตก แฟชั่นร่วมสมัยมักมีสีดำเพราะเป็นตัวแทนของความหรูหราขั้นสุดยอด เปลี่ยนจากชุดไว้ทุกข์ให้กลายเป็นแฟชั่นสุดหรูสไตล์ปารีสซึ่งถูกเรียกว่า “Little Black Dress”
เฉดสีดำยอดนิยม
Ebony: สีดำเข้มคล้ายไม้ Dark wood ที่มาจากต้น Persimmon tree
Jet Black: สีดำมันเข้มแวววาว คล้าย ๆ วัสดุทำเครื่องบินเจ็ต
Sable: สีดำน้ำตาลเข้ม คล้ายขนจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ ชื่อเดียวกัน
สีที่ดำที่สุดที่ดูดกลืนได้แม้แต่แสงสว่าง
ยุโรปและอเมริกาเหนือมักเชื่อมโยงสีดำเข้ากับความโศกเศร้า เวทมนต์ ความชั่วร้าย และความตาย หลายศาสนาเชื่อว่าโลกถูกสร้างขึ้นจากความืดมิดในยุคบรรพกาล
เทววิทยาของชาวคริสเตียนระบุว่าสีดำเป็นสีของจักรวาล ก่อนพระเจ้าจะทรงสร้างแสงสว่างขึ้นมา
พระแม่กาลี (เทพีแห่งการเวลา การเปลี่ยนแปลง และความตายของศาสนาฮินดู) มีผิวสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม ชื่อของเธอเป็นภาษาสันสกฤตที่แปลเป็นอังกฤษว่า “She Who is Black” หรือ “She Who is Death”
ในประเทศอินเดีย สีดำคือสีแห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้าย จุดสีดำจะถูกแต้มไว้ใต้คางหรือหลังใบหู เพื่อป้องกันสายตาอันชั่วร้าย
ที่ญี่ปุ่นมีการเชื่อมโยงสีดำกับสิ่งลี้ลับและสิ่งเหนือธรรมชาติที่เราไม่รู้จัก มองไม่เห็น รวมถึงความตาย ในศตวรรษที่ 10-11 เชื่อกันว่าการสวมสีดำจะนำมาสิ่งความโชคร้าย ดังนั้นมีเพียงผู้ไม่เชื่อเรื่องศาสนา และผู้ที่สละทรัพย์สมบัติเท่านั้นที่กล้าสวมเสื้อสีดำขึ้นศาล
ในฝั่งตะวันออก สีดำคือสัญลักษณ์ของผู้มีประสบการณ์และทักษะอันยอดเยี่ยม เช่น สายดำคาดเอวที่เป็นตัวบ่งบอกถึงระดับของนักสู้ เป็นต้น
ประเทศจีนเชื่อมโยงสีดำเข้ากับน้ำ ความหนาวเหน็บ ฤดูหนาว และการเดินทางไปยังทิศเหนือ เมื่อจักรพรรดิองค์แรกของจีน ฉินซีฮ่องเต้ ยึดอำนาจสำเร็จ เขาได้เปลี่ยนสีประจำจักรพรรดิจากสีแดงเป็นสีดำ เพื่อสื่อว่าสีดำได้เข้ามาดับสีแดงลงแล้ว (ต่อมาถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นแดงในปี 206 ก่อนคริสตกาล)
ในขณะที่หลายคนเชื่อมโยงสีดำกับความตาย แต่ชาวอียิปต์โบราณมองว่าสีดำคือสีที่สื่อถึงความมีชีวิต มีที่มาจากดินสีดำอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งไหลท่วมแม่น้ำไนล์ นอกจากนี้ยังเป็นสีของเทพเจ้า Anubis (ผู้ปกครองแห่งยมโลก) ซึ่งอยู่ในรูปแบบหมาจิ้งจอกสีดำ ที่ปกป้องคนตายจากความชั่วร้าย
สีที่ดีที่สุดในโลกคือสีอะไร?
หัวข้อถกเถียงที่เกี่ยวกับสีมักกำกวม และขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล เพราะทุกคนล้วนมีสีที่ตัวเองชอบ (แม้ผลสำรวจล่าสุดพบว่า 80% ของผู้คนมีสีโปรดคือสีน้ำเงิน)
ถ้าต้องถกเถียงกันว่าสีที่ดีที่สุดในโลกคือสีอะไร คุณต้องเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมและอุตสาหกรรม รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อนำไปปรับใช้อย่างถูกต้อง
ในแต่ละปีสถาบันสี Pantone จะออกมาประกาศสีแห่งปีที่ทุกคนเฝ้ารอ เพราะเทรนด์สีเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์ แฟชั่น และสินค้าต่าง ๆ มากมายในช่วงหลายเดือนถัดจากนี้ แน่นอนว่าสีมีส่วนที่จะทำให้สินค้าขายดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง
ความสัมพันธ์อันยาวนานของมนุษย์กับสี ถูกพัฒนาผ่านเงื่อนไขทางวัฒนธรรม สังคม และวิวัฒนาการ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนุษย์ที่ขาดไม่ได้ กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มนุษย์ใช้พัฒนาสังคมต่อไป
บทสรุป: ความหมายของสี
สัญลักษณ์ของสีมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความเป็นไปของสังคมและวัฒนธรรมทั่วโลก ซึ่งสีเดียวมีความหมายได้หลายรูปแบบแตกต่างจากภาษา เพราะคุณสามารถจำได้ทันทีเมื่อเห็นสีนั้น ๆ
แต่สัญลักษณ์ของสีมักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป
แม้ว่าความหมายของสีอาจแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมและศาสนา แต่ความสำคัญของสีในแต่ละวัฒนธรรมคือสิ่งที่คุณไม่สามารถมองข้ามได้ เราต้องมองให้เห็นและเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าโลกนี้มองสีต่าง ๆ แล้วตีความว่าอย่างไร เพื่อที่เราจะนำมาปรับใช้ในการสื่อสารได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
บทความโดย : The Meaning of Colors in Cultures Around the World
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24