รูปภาพคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับคอนเทนต์ในยุคปัจจุบัน การสูญเสียคุณภาพไปแม้แต่นิดเดียวหมายถึง การสูญเสียผู้ชมหรือลูกค้าของคุณในอนาคตไปเช่นกัน แล้วจะทำอย่างให้รูปภาพยังคงคุณภาพอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นขนาดใดก็ตาม
แต่ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรามาทำความเข้าใจกับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีปรับขนาดรูปภาพ ที่จะส่งผลต่อคุณภาพของรูปภาพกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง?
วิธีปรับขนาดรูปภาพ

1.พิกเซลคืออะไร?
พิกเซลเป็นหน่วยวัดมาตรฐานสำหรับหน้าจอ พิกเซลเกิดจากการผสมผสานระหว่าง “รูปภาพ” และ “องค์ประกอบ” หรือจะเรียกได้ว่าพิกเซลคือองค์ประกอบเล็ก ๆ ในข้อมูลไฟล์กราฟิกก็ได้
วิธีปรับขนาดรูปภาพโดยไม่เสียคุณภาพจะต้องทำความเข้าใจเรื่องพิกเซลเสียก่อน
ทุก ๆ สิ่งที่คุณเห็นบนจอภาพล้วนเกิดขึ้นจากการเรียงตัวของพิกเซล คุณจะเห็นเม็ดพิกเซลชัดมากในจอคอมพิวเตอร์ยุคก่อน เพราะความหนาแน่นของพิกเซลยังไม่เยอะเท่าทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์และมือถือรุ่นใหม่ ๆ มีความสามารถในการแสดงพิกเซลมากขึ้นแม้จะอยู่ในหน้าจอที่เล็กลง ส่งผลทำให้รูปที่แสดงคมชัดและสบายสายตา ถ้าภาพคุณมีพิกเซลสูงมากพอ ภาพก็จะยิ่งคมชัดขึ้นเท่านั้น
หากคุณขยายภาพโดยไม่ระวัง พิกเซลที่อยู่ในภาพจะถูกยืดและรวมเข้ากันจนทำให้ภาพเบลอหรือแตก ความละเอียดของภาพจึงต่ำลง

2.ความละเอียด (Resolution) คืออะไร?
อธิบายวิธีปรับขนาดรูปภาพแบบเรียบง่าย ความละเอียดก็คือความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของรูปภาพกับจำนวนพิกเซลที่อยู่ข้างใน ยิ่งพิกเซลมากเท่าใดความละเอียดยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
รูปภาพขนาด 3000 x 3000 พิกเซล
พิกเซลคือขนาดที่เรียกได้ว่ามีความละเอียดสูงที่สุดสำหรับใช้งานในแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น หน้าจอบิลบอร์ด โซเชียลโพสต์ ฯลฯ
หากคุณต้องการตีพิมพ์ภาพขนาด 10 x 10 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซลจึงพอเหมาะสำหรับงานคุณภาพสูง แต่หากคุณตีพิมพ์ที่ขนาด 20 x 20 นิ้ว
คุณจะพบว่าความหนาแน่นของพิกเซลลดลงจนภาพแตก
ดังนั้นหากต้องการขยายภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ ให้คำนึงเรื่องความหนาแน่นของพิกเซลเป็นหลัก
ความหนาแน่นของพิกเซลจะนำไปสู่ศัพท์ทางเทคนิคที่เรียกว่า DPI และ PPI
3.DPI เหมือนกับ PPI หรือไม่?
วิธีปรับขนาดรูปภาพคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจเรื่อง DPI และ PPI หากคุณอยากปรับขนาดภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ คำว่า DPI ย่อมาจาก dots per inch เป็นคำศัพท์ที่ใช้ระบุจำนวนหมึกในการใช้ตีพิมพ์หนึ่งตารางนิ้ว
PPI (pixel per inch) เป็นคำศัพท์ใช้วัดในรูปแบบดิจิทัล หมายถึงจำนวนพิกเซลในหนึ่งตารางนิ้วบนหน้าจอดิจิทัล
ตามหลักทั่วไปคุณต้องใช้ DPI/PPI ที่ 300 เพื่อให้ผลงานการตีพิมพ์ออกมาดีที่สุด แต่ถ้าใช้แบบ DPI สามารถใช้ต่ำกว่าเล็กน้อยได้ เช่น 275 ก็เพียงพอแล้ว
การใช้งานภาพบนหน้าจอดิจิทัล คุณสามารถใช้รูปภาพที่มีขนาดพิกเซลเล็กลงได้โดยไม่ทำให้ภาพเสียหาย แต่การตีพิมพ์ทั่วไปต้องใช้ DPI สูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่า
ตัวอย่างเช่น 72 PPI กลายเป็นมาตรฐานของงานดิจิทัลมาหลายปีแล้ว แต่ขนาดพิกเซลคือสิ่งสำคัญที่สุดในงานดิจิทัล เพราะผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลงไปตามอุปกรณ์ต่าง ๆ
เว็บไซต์และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ จะมีความต้องการเรื่องจำนวนพิกเซลในภาพที่ต่างกัน เพราะการออกแบบและการแสดงผลบนหน้าจอที่ต่างกัน ทำให้คุณต้องปรับขนาดรูปภาพสำหรับขึ้นเว็บไซต์ทุกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ก็ควรคำนึงถึงจำนวนพิกเซลควบคู่ไปกับความละเอียดด้วย
ค่า DPI พื้นฐานที่ควรรู้คือ
- 72 DPI สำหรับงานเว็บไซต์
- 150 DPI สำหรับงานตีพิมพ์ความละเอียดต่ำ
- 300 DPI สำหรับงานตีพิมพ์ความละเอียดสูง
แต่ในเรื่องของการใช้ PPI ในการตีพิมพ์อาจซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
ข้อกำหนดในการตีพิมพ์จะวัดจากหน่วยนิ้วหรือเซนติเมตร ขึ้นอยู่กับระบบหรือประเทศที่คุณอยู่ ซึ่งคุณต้องทราบถ้าอยากคุณอยากคุยกับโรงพิมพ์อย่างมืออาชีพ
ให้คุณใช้รูปภาพข้างล่างสำหรับการเปรียบเทียบขนาดพิกเซลกับความละเอียด ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร

4.หาค่า DPI / PPI อย่างไร?
เมื่อรู้วิธีปรับขนาดรูปภาพเบื้องต้นแล้วก่อนจะปรับขนาดภาพให้คุณหาก่อนว่าภาพนั้นมี DPI / PPI เท่าไหร่ ทำได้โดยใช้ Adobe Photoshop
ง่าย ๆ เพียงกดไปที่ Image > Image Size แล้วปรับหน่วยเป็น inches (นิ้ว)
ตัวอย่างเช่น ภาพของคุณมี 300 พิกเซล/นิ้ว (PPI) คุณสามารถตีพิมพ์ภาพได้ถึง 40 x 25 นิ้ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพของรูปภาพ
เนื่องจากขนาดและความละเอียดมีความสัมพันธ์กัน เช็ค DPI แล้วก่อนปรับขนาดภาพทุกครั้ง แต่วิธีการนี้ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่คุณใช้และเว็บไซต์ที่คุณจะนำไปลงด้วย

5.สามารถปรับขนาดภาพ ให้เป็นขนาดใดก็ได้ใช่หรือไม่?
ในการเรียนรู้วิธีปรับขนาดรูปภาพ หากต้องการย่อหรือขยายขนาดรูปภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ คุณจะต้องปรับขนาดโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของ DPI / PPI
เพราะการปรับขนาดรูปภาพ ก็คือการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของพิกเซล ถ้าคุณลดจำนวนพิกเซลฝั่งใดลง อีกฝั่งจะถูกนำพิกเซลไปเพิ่มทันที เพื่อปรับขนาดให้พอเหมาะกับภาพบนจอต่าง ๆ หากคุณลดจำนวนพิกเซลสอดคล้องกับความละเอียดอย่างเหมาะสม ภาพที่ออกมาก็จะมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
คุณสามารถทำให้ภาพใหญ่กลายเป็นภาพเล็กได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพ แต่คุณไม่สามารถทำให้ภาพเล็กกลายเป็นภาพใหญ่โดยไม่เสียคุณภาพได้
ขนาดภาพดิจิทัลจะถูกกำหนดด้วยค่า DPI (หรือ PPI) โดยขนาดกว้าง x ยาว เช่น ภาพขนาด 2000 x 2000 พิกเซล ที่ 72 DPI จะมีจำนวนพิกเซลทั้งหมด 4,000,000 พิกเซล

ใน Photoshop ภาพนี้มีขนาด 2000 x 2000 ที่ 72 DPI

หากลดขนาดรูปภาพลงเหลือ 1000 x 1000 แต่ยังคงค่า DPI ที่ 72 ไว้อยู่ คุณภาพของรูปภาพก็จะเหมือนเดิมแต่มีขนาดเล็กลง
หากต้องการทำให้ภาพเดิมมีขนาดใหญ่กว่าเดิม คุณจะต้องสร้างพิกเซลขึ้นมาเติมในรูปภาพนั้น นั่นหมายความว่าคอมพิวเตอร์ของคุณจะต้องคูณจำนวนพิกเซลเข้าไปในภาพ หรือใช้เอฟเฟกต์อื่น ๆ เพื่อขยายพิกเซลในภาพนั้น ๆ
แต่การขยายภาพจะทำให้ภาพแตกเพราะมีจำนวนพิกเซลที่ไม่ได้เกิดจากภาพต้นฉบับเข้าไปนั่นเอง
แล้วภาพไฟล์ Vector ภาพแตกได้ไหม?
ภาพแรสเตอร์สร้างขึ้นจากพิกเซล แต่ภาพเวกเตอร์อิงจากสมการทางคณิตศาสตร์ทำให้สามารถปรับขนาดได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ส่วนใหญ่จะพบไฟล์ประเภทนี้ใน Adobe Illustrator
6.วิธีคงไฟล์ภาพใน Adobe Photoshop ด้วยวิธี Resampling
ถ้าต้องการปรับขนาดภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ คุณต้อง resample และปรับขนาดภาพใน Photoshop
Resampling คือการเปลี่ยนรายละเอียดภาพและขนาดของภาพแยกกัน แล้วนำพิกเซลมาผสานกันอีกที ทำให้ภาพขยายใหญ่ขึ้นได้อย่างราบรื่น ภาพไม่แตก
วิธีปรับขนาดรูปภาพโดยการ Resampling
คุณสามารถทำ Resample ได้โดยกดที่ Image Size ติ๊กช่อง Resample จากนั้นปรับขนาดภาพได้ตามต้องการ
คุณสามารถเลือก Automatic ได้แต่ถ้าอยากปรับเองให้เลือก Preserve Details 2.0 จากนั้นเลือก Noise Reduction คุณจะเห็นว่าภาพแตกน้อยลง แต่ถ้าปรับเยอะภาพอาจเบลอได้เช่นกัน

หลังจากที่ได้ภาพแล้วก็คลิก Ok > File > Save a copy

7.วิธีปรับขนาดภาพกับ Shutterstock Create
หากคุณไม่รู้จักวิธีปรับขนาดรูปภาพด้วย Photoshop ไม่เป็นไม่ต้องตกใจ เพราะคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยที่ภาพไม่สูญเสียคุณภาพด้วย Shutterstock Create ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนที่ 1
เลือกที่ปุ่ม Canvas > Resize Canvas จากนั้นคลิกที่ปุ่มรูปโซ่ เพื่อให้ขยายความสูงและความกว้าง ให้สอดคล้องกันโดยอัตโนมัติ ภาพที่ได้จะได้ไม่เบี้ยวในภายหลัง

ขั้นตอนที่ 2
ไปที่ Uploads > Upload เพื่อนำภาพจากคอมพิวเตอร์หรือจากในเว็บ Shutterstock เข้ามาใน Canvas

จากนั้นไปที่ resolutions ถ้าพอใจแล้วก็คลิก Download บริเวณขวาบน เลือกประเภทไฟล์ที่ต้องการแล้วก็กด Download
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ภาพที่ไม่แตกแล้ว

ขั้นตอนที่ 3
ใช้ Create คุณไม่ต้องกังวลเรื่อง DPI หรือขนาดความละเอียดของภาพ เพราะขนาดของ Canvas เราสามารถกำหนดได้ตั้งแต่หน้า Template ให้คุณเห็นแต่แรก

อีกทั้งยังสามารถปรับขนาดหน้า Canvas ได้โดยไปที่ File > Create new > Blank Canvas แค่ใส่ตัวเลขแล้วก็คลิก Make it!


เทคนิคพิเศษ: Smart Resize เปิดใช้งานแล้ว
หนึ่งในฟีเจอร์ล่าสุดของ Create ก็คือ Smart Resize ให้คุณปรับขนาดภาพให้เหมาะสมกับทุกแพลตฟอร์มได้ในคลิกเดียว
เพียงกดคลิกแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้ แล้วกด Copy & resize


นี่คือเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อนักการตลาดทั่วโลก ประหยัดเวลาเพราะสามารถปรับขนาดการออกแบบทีเดียว ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถปรับขนาดรูปภาพโดยที่ไม่เสียคุณภาพได้แล้ว
วิธีตั้งค่าความละเอียดของรูปภาพ
การตั้งค่าความละเอียดของรูปภาพเป็นขั้นตอนสำคัญในวิธีปรับขนาดรูปภาพ เพื่อให้ยังคงรักษาคุณภาพได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการย่อหรือขยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพนั้นต้องนำไปใช้สำหรับการพิมพ์หรือแสดงผลบนหน้าจอ
โดยวิธีตั้งค่าความละเอียดของรูปภาพผ่านโปรแกรม Photoshop มีขั้นตอน ดังนี้
- เปิดไฟล์ภาพใน Photoshop
- ไปที่เมนู Image > Image Size…
- ดูช่อง “Resolution” → ตั้งค่าตามความต้องการ
ซึ่งสามารถเลือก 72 PPI สำหรับใช้งานบนเว็บ/หน้าจอ และ 300 PPI สำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูง
หากต้องการปรับขนาดภาพให้สัมพันธ์กับความละเอียด: ให้เลือก “Resample” เพื่อให้จำนวนพิกเซลเปลี่ยนตาม และไม่ต้องเลือก “Resample” หากต้องการแค่เปลี่ยนขนาดเมื่อพิมพ์ โดยไม่เปลี่ยนพิกเซลจริง
- ตั้งค่าเรียบร้อยให้เลือกปุ่ม OK
สามารถขยายพื้นผ้าใบในรูปภาพได้ไหม
นอกจากนี้หนึ่งในวิธีปรับขนาดรูปภาพ คุณยังสามารถขยายพื้นผ้าใบ (Canvas) ของรูปภาพได้ โดยไม่กระทบต่อขนาดของตัวภาพเดิม พูดง่าย ๆ คือ เพิ่มพื้นที่รอบ ๆ โดยไม่ยืดภาพ ซึ่งเหมาะมากเวลาคุณอยากเติมพื้นหลังเพิ่ม ใส่ข้อความหรือกราฟิกเพิ่มในภาพ หรือสร้างกรอบรอบรูป และสามารถทำได้ด้วยหลายโปรแกรม เช่น Photoshop, GIMP, Paint หรือแม้กระทั่งใน Shutterstock Create ก็สามารถปรับขนาดพื้นที่ออกแบบ (Canvas Size) และจัดวางรูปภาพใหม่ได้ตามต้องการ
สรุป
วิธีปรับขนาดรูปภาพให้คมชัดโดยไม่สูญเสียคุณภาพจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องพิกเซล ความละเอียด และการตั้งค่า DPI/PPI ที่เหมาะสมตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลบนหน้าจอหรือการตีพิมพ์
การใช้โปรแกรมอย่าง Photoshop หรือ Shutterstock Create จะช่วยให้ควบคุมขนาดและความละเอียดของภาพได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถขยายพื้นที่รอบภาพ (Canvas) ได้โดยไม่กระทบภาพเดิม เหมาะสำหรับการออกแบบเพิ่มเติม เช่น การใส่ข้อความหรือองค์ประกอบกราฟิกอื่น ๆ
บทความโดย : How to Resize an Image Without Losing Quality
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24