ถ้าคุณเป็นคนทำธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการภาพถ่ายสินค้าอยู่ล่ะก็ คุณมาถูกที่แล้วเพราะนี่ก็คือ 5 เทคนิคการถ่ายภาพให้สินค้าของคุณดูดีอย่างมือโปร
ผลการวิจัยของ Etsy พบว่า 90% ของผู้ซื้อของออนไลน์ให้ความสำคัญกับภาพสินค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณภาพของภาพถ่ายสินค้านั้นมีผลต่อการซื้อยิ่งกว่ารีวิวแย่ๆเสียอีก
แบรนด์ชั้นนำในปัจจุบันล้วนให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพ เพราะรู้ซึ้งถึงพลังของภาพถ่ายเป็นอย่างดี ตัวอย่างแบรนด์ที่ทาง Shutterstock เคยร่วมงานก็คือ น้ำหอม Gucci ต้องการภาพใช้ในแคมเปญน้ำหอมที่ประกอบไปด้วยผลไม้และดอกไม้ ที่นึกถึงศตวรรษที่ 17
การที่ Gucci เลือกเราให้เป็นผู้ช่วยในแคมเปญนั้นเพราะว่าพวกเขาอยากได้ภาพที่มีคุณภาพจำนวนมากและต้องการใช้เวลาไม่นานในการผลิตผลงานนั่นเอง
ด้วยความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย คุณไม่จำเป็นต้องมีงบประมาณอะไรมากมายเพื่อถ่ายภาพให้สวยงามเหมาะกับแบรนด์คุณ เพราะต่อจากนี้เราจะมาแนะนำเทคนิค 5 รูปแบบเพื่อยกระดับการถ่ายภาพเพื่อธุรกิจขนาดเล็กของคุณ
สิ่งที่คุณต้องเตรียมก็คือกล้องอะไรก็ได้ที่ให้คุณภาพของรูปภาพดีที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ ปรับไปเป็นโหมด M เพราะเราสามารถควบคุมคุณภาพทุกอย่างในตัวกล้องได้
เทคนิคที่ 1 – หาสไตล์แบรนด์ของคุณให้เจอ
สไตล์แบรนด์ของคุณคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ เพราะนี่คือตัวอธิบายว่าคุณเป็นใคร แล้วมีที่มาอย่างไร ตั้งแต่โลโก้ โทนสี ลักษณะฟอนต์ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพมีเอกลักษณ์มากขึ้น
เมื่อต้องสร้างสไตล์แบรนด์ของคุณ ให้นึกว่าคุณต้องการจะโชว์อะไรให้ลูกค้าเห็น เช่น แบรนด์ของคุณต้องการความนุ่มนวล อ่อนหวาน โรแมนติก สีที่ใช้ก็อาจจะเป็นสีพาสเทล ถ้าแบรนด์ของคุณต้องการความแน่นและโดดเด่น ก็ให้ลองใช้สีเข้มๆ ตัวอักษรหนาๆ เป็นต้น
จุดประสงค์ของการสร้างสไตล์แบรนด์ก็คือให้ทุกคนจดจำ เพราะจะช่วยให้ลูกค้านึกออกได้ว่านี่คือคุณนั่นเอง
เทคนิคที่ 2 – เริ่มถ่ายจากแสงอ่อนๆ
แสงคือองค์ประกอบสำคัญในการถ่ายสินค้า แสงแข็งเกินไปอาจทำให้สินค้าไม่น่าดู ถ้าคุณอยากได้ภาพแสงธรรมชาติให้ถ่ายช่วงเย็นแสงทองเพราะแสงช่วงเวลานั้นจะอ่อนมาก หรือจะถ่ายจากแสงผ่านหน้าต่างภายในบ้านก็ย่อมได้ ใช้ม่านเป็นเหมือนตัวกรองแสงไปในตัวแทน
หรือถ้าคุณมีทุนเล็กน้อยก็ลองใช้แสงสตูดิโอ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปถ่ายภาพข้างนอก เลิกใช้แฟลชจากตัวกล้องไปซะเพราะกำลังแสงนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน หรือจะใช้ไฟ LED ที่ฉายไฟแบบต่อเนื่องก็ได้ (ใช้งานง่ายและราคาเอื้อมถึง) ที่สำคัญอย่าลืมกระจายแสงด้วยซอฟต์บ็อกซ์หรือผ้าสีขาวด้วยนะ
เทคนิคที่ 3 – ลงทุนกับฉากหลัง
ฉากหลังสามารถเป็นอะไรได้หลายแบบ ตั้งแต่เหล็กไปยันหินอ่อนราคาแพง แต่ถ้าคุณพึ่งเริ่มถ่ายภาพไม่นานเราแนะนำให้ใช้พื้นหลังที่โล่งและไม่มีลวดลาย สามารถนำสิ่งของในครัวเช่น เขียง จาน ก้อนหิน ใบไม้ เป็นต้น มาใช้งานได้ แถมราคาถูกอีกด้วย
สมมุติว่าสไตล์แบรนด์ของคุณหรูหรา ต้องการอะไรนุ่มๆและดูแพงมาประดับฉาก ลองนึกถึงพรมเช็ดเท้าขนๆกับก้อนหินกรวด นี่คือคอมโบของประดับที่จะยกระดับงานถ่ายภาพของคุณให้ดูแพงได้อย่างเหลือเชื่อ ส่วนไวนิลก็เป็นอีกทางเลือกที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านอุปกรณ์ทั่วไป เพียงแค่คุณต้องนึกก่อนว่าอะไรที่มาอยู่ข้างหลังสินค้าคุณแล้วจะช่วยยกระดับให้สินค้าดูน่าซื้อที่สุด
อย่าลืมนึกถึงสีที่เข้ากันกับสินค้าด้วย อย่าให้สินค้าขัดกันเอง อย่างตัวสินค้าสีขาวแล้วถ้าพื้นหลังยังเป็นสีขาวอีก ภาพที่ออกมาก็จะกลืนไปหมด เป็นต้น
เทคนิคที่ 4 – วางแผนลิสต์ถ่ายภาพ
การวางแผนถ่ายภาพแล้วสร้างลิสต์ถ่ายภาพขึ้นมา จะช่วยให้คุณจำกัดเวลาทำงานได้โดยไม่ต้องหามรุ่งหามค่ำ ลิสต์มุมภาพที่จำป็น เช่น มุมตรง มุมบน มุมใกล้ มุมเฉียง ฯลฯ จากนั้นเลือกพื้นหลังว่าเอาอะไรมาจับคู่กับอะไรไว้ล่วงหน้า มีภาพเตรียมไว้ในหัวเสมอ
ลูกค้าทุกคนล้วนชอบความหลากหลายในมุมมองภาพ โดยที่เขาสามารถนำภาพไปใช้กับแพลตฟอร์มใดๆก็ได้ ถ่ายทั้งแนวตั้งและแนวนอนเลยยิ่งดี
เทคนิคที่ 5 – น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
การถ่ายภาพเป็นศิลปะประเภทหนึ่ง การใส่อะไรที่เยอะเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น พยายามเผื่อพื้นที่ว่าง (Negative Space) ให้ภาพของคุณได้ใส่องค์ประกอบกราฟิกในภายหลังด้วย
ระหว่างถ่ายพยายามนึกก่อนว่าอะไรช่วยส่งเสริมเรื่องราวในภาพได้ สี ลวดลาย แบบไหนที่ใช่สำหรับแบรนด์คุณ อีกไอเดียก็คือใส่องค์ประกอบของมนุษย์อย่างมือเข้ามาช่วย จะทำให้ภาพดูเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าสินค้าที่วางไว้เฉยๆ แถมช่วยให้ลูกค้าเห็นขนาดสินค้าได้อย่างเด่นชัดด้วย
ทั้งหมดนี่ก็คือเทคนิคสำคัญทั้ง 5 ที่ผู้ประกอบการเริ่มต้นควรรู้ไว้ เพื่อประหยัดงบการใช้จ่าย และยังช่วยให้คุณได้ภาพสวยยิ่งกว่าคู่แข่งทั้งหมดอีกด้วย