บทสรุปแห่งปี 2025 ไอเดียผ่านเลนส์และความคิดสร้างสรรค์
News
บทสรุปแห่งปี 2025 ไอเดียผ่านเลนส์และความคิดสร้างสรรค์
แก้ไขล่าสุดเมื่อ : 30/10/2568
แท็ก :
:
ทุกวันนี้แบรนด์ไม่ได้แข่งกันแค่เรื่อง “ไอเดียดี” หรือ “แคมเปญไวรัล” อีกแล้ว สิ่งที่ทำให้คนยังเลือกแบรนด์เดิมท่ามกลางตัวเลือกนับไม่ถ้วน คือ “ความรู้สึก” ที่แบรนด์สร้างขึ้น
รายงาน Creative Impact Report 2025 จาก Shutterstock พูดถึงเรื่องนี้ชัดมาก ว่าความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นเครื่องยนต์หลักของแบรนด์ที่ยั่งยืน และปีนี้ไม่ใช่แค่พูดถึงเทรนด์ใหม่ แต่พูดถึง “ผลกระทบของความครีเอทีฟ” ต่อมนุษย์จริง ๆ
1. ความคิดสร้างสรรค์: ไม่ใช่ของเล่น แต่คือเครื่องมือทางเศรษฐกิจ
Shutterstock พบว่าแบรนด์ที่ลงทุนกับ “ความคิดสร้างสรรค์อย่างจริงจัง” จะมีความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคมากกว่าแบรนด์ทั่วไปเกือบสองเท่า เพราะครีเอทีฟไม่ได้แค่ทำให้ภาพดูดี แต่ทำให้ “คนรู้สึกดี” กับแบรนด์
พูดง่าย ๆ ความคิดสร้างสรรค์ตอนนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนระยะยาว
2. ความเชื่อใจ คือหัวใจของแบรนด์ยุคใหม่
โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก เทรนด์หมุนทุกวัน แต่ “ความไว้ใจ” ยังสำคัญเหมือนเดิม และนั่นคือสิ่งที่แบรนด์ต้องสร้างให้ได้ก่อนจะขายของ
รายงานยกตัวอย่างว่า
- แคมเปญ Barbie ประสบความสำเร็จในอเมริกา แต่โดนแบนในบางประเทศ เพราะมีรายละเอียดที่แตะประเด็นอ่อนไหว
- หรือแคมเปญ “He Gets Us” ที่ตั้งใจพูดเรื่องศรัทธา แต่ถูกทั้งสองฝั่งตีความต่างกันจนเกิดดราม่า
สิ่งที่เกิดขึ้นสอนเราว่า “ครีเอทีฟที่ดี” ไม่ใช่แค่โดดเด่นหรือเสียงดัง แต่ต้องเข้าใจวัฒนธรรมและความรู้สึกของคนดูด้วย
3. อารมณ์คือพลังที่ทำให้คนจำแบรนด์ได้
คนจะจำแบรนด์ได้ก็ต่อเมื่อ “รู้สึกบางอย่าง” กับสิ่งที่ถูกนำเสนอ Shutterstock พบว่า คอนเทนต์ที่กระตุ้นอารมณ์ทำให้คนจำแบรนด์ได้ดีกว่าปกติถึงสองเท่า
โดยเฉพาะอารมณ์แบบ
- “ความภาคภูมิใจ”
- “ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่ง”
สองอย่างนี้สร้างความเชื่อใจได้ดีที่สุด ส่วน “ความโกรธ” แม้จะทำให้คอนเทนต์แชร์เร็ว แต่มักลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว
4. ผู้บริโภคกำลังเหนื่อยกับคอนเทนต์เยอะเกินไป
โฆษณาเยอะขึ้น แต่ผลตอบแทนกลับลดลง งบโฆษณาทั่วโลกเพิ่มกว่า 30% ตั้งแต่ปี 2023 แต่ความตั้งใจซื้อเพิ่มขึ้นแค่ 17% เท่านั้น
คนเริ่มรู้สึกว่า “เห็นแบรนด์เดิมซ้ำ ๆ จนไม่รู้สึกอะไรแล้ว” 64% ของผู้บริโภคบอกว่าพวกเขา “เจอโฆษณามากเกินไป”
แบรนด์ที่ทำได้ดีกลับเป็นแบรนด์ที่ “พูดน้อยแต่ชัด” อย่างเช่น
- Apple กับแคมเปญ #ShotOniPhone
- Liquid Death ที่ยึดคอนเซ็ปต์เดียว “Murder Your Thirst” แล้วไปสุดทาง
ทั้งสองแบรนด์มีข้อความเดียว แต่เล่าได้ลึกและต่อเนื่องจนคนจดจำได้เอง
5. พูดให้น้อย แต่ให้คม
จากข้อมูลของ Shutterstock เมื่อแบรนด์สื่อสารเกิน 3 ข้อความหลัก “ความเชื่อถือ” ของคนดูจะเริ่มลดลง
ดังนั้นแทนที่จะเพิ่มจำนวนโพสต์หรือแคมเปญ ควร “กลั่น” ให้เหลือเพียงไม่กี่ข้อความที่ตรงประเด็น เพราะการเลือกพูดสิ่งที่ใช่ จะให้ผลตอบแทนดีกว่าพูดทุกอย่างที่คิดถึงถึง 40%
6. AI ไม่ได้มาแทนครีเอทีฟ แต่มาเติมเต็ม
AI กลายเป็น “คู่คิด” ของนักสร้างสรรค์มากกว่าจะเป็นคู่แข่ง กว่า 58% ของครีเอทีฟทั่วโลกใช้ AI เพื่อเร่งกระบวนการคิดและทำงาน และมากกว่าครึ่งบอกว่า AI ทำให้งานพวกเขา “มีความรู้สึกมากขึ้น”
เพราะ AI ทำให้ลองไอเดียใหม่ได้เร็ว ไม่ต้องกลัวพลาด และช่วยให้คอนเทนต์ตอบโจทย์ผู้ชมแต่ละคนได้เฉพาะตัวมากขึ้น
หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ Spotify Wrapped ที่ใช้ข้อมูลจริงของผู้ใช้แต่ละคน มาทำเป็นสรุปการฟังเพลงประจำปี จนกลายเป็นไวรัลระดับโลกและสร้างความผูกพันกับผู้ใช้ได้ลึกมาก
7. อนาคตของแบรนด์: เข้าใจวัฒนธรรม ใช้ข้อมูล และสร้างด้วยหัวใจ
Shutterstock สรุปสิ่งที่แบรนด์ยุคใหม่ต้องทำไว้ชัดมาก
“Creativity + Data + Cultural Intelligence = Trust, Loyalty, Growth”
หมายความว่า แบรนด์จะโตได้ก็ต่อเมื่อใช้ความคิดสร้างสรรค์แบบเข้าใจผู้คนจริง ๆ รู้ว่าใครกำลังดู รู้ว่าเขาเชื่ออะไร และพูดกับเขาอย่างให้เกียรติ
เพราะสุดท้ายแล้วคนจะเชื่อแบรนด์ที่ “ฟังพวกเขา” ไม่ใช่แบรนด์ที่ “พูดเก่ง”
ครีเอทีฟที่ดีคือของจริง ไม่ใช่ของเยอะ
โลกคอนเทนต์ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงดังมากมาย แต่สิ่งที่คนอยากเห็นคือ “ความจริงใจ” แบรนด์ที่เข้าใจความรู้สึกคน และกล้าพูดสิ่งที่มีความหมาย จะเป็นแบรนด์ที่อยู่รอดได้ในระยะยาว
เพราะสุดท้าย ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่ “สิ่งที่สวยงาม” แต่มันคือ “พลังที่ทำให้ผู้คนเชื่อในสิ่งเดียวกัน”
อ่านข้อมูลเต็มได้ที่ The 2025 Creative Impact Report
สอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่
Inbox : http://m.me/number24.co.th
LINE Official Account : https://line.me/R/ti/p/@klj9484n
Instagram : https://www.instagram.com/number24.co.th
Website : https://number24.co.th/
