ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย เนื่องจากธุรกิจต่างผลิตสินค้าออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด ‘หน้าตาแพ็กเกจ’ คืออาวุธสำคัญที่จะหยุดสายตาผู้บริโภคในเวลาเพียงเสี้ยววินาที มันไม่ใช่แค่แผ่นกระดาษหรือสติ๊กเกอร์ที่ติดบนบรรจุภัณฑ์ แต่เป็นเครื่องมือสื่อสารอันทรงพลังที่บอกว่า “สินค้านี้คืออะไร” “ใครเป็นเจ้าของแบรนด์” และ “ทำไมถึงควรซื้อ”ทั้งนี้หมดคือ First Impression ที่จะตัดสินว่า ลูกค้าจะคว้าสินค้าของคุณ หรือเดินเลยไปหาแบรนด์อื่น
ดังนั้น การออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้ ให้สวย น่าสนใจ และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม วันนี้ Number 24 จะมาแนะนำ 7 เทคนิคที่ใช้ได้จริง พร้อมตัวอย่างและเคล็ดลับที่เจ้าของแบรนด์ต้องรู้!
ทำไมการออกแบบฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์โลโก้สินค้า จึงสำคัญ

การออกแบบสินค้า ฉลาก และโลโก้ คือการรวมกันของดีไซน์ การสื่อสาร และกลยุทธ์แบรนด์ ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างชัดเจน หากแบรนด์มีสินค้าที่มีคุณภาพ แต่ไม่สามารถออกแบบฉลากให้น่าโดดเด่น ดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ก็อาจทำให้สินค้าไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยการออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้สินค้า มีความสำคัญดังนี้
- สร้างการจดจำแบรนด์: ฉลากที่มีดีไซน์ชัดเจน สะท้อนเอกลักษณ์แบรนด์ จะช่วยให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายแม้เห็นแค่เสี้ยววินาที
- กระตุ้นยอดขาย: การออกแบบฉลากสินค้าให้โดดเด่นบนชั้นวาง เท่ากับเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเลือกหยิบสินค้าของคุณแทนคู่แข่ง
- สร้างความน่าเชื่อถือ: ฉลากสินค้าที่ออกแบบดีจะทำให้สินค้าดูมีมาตรฐาน เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
- สื่อสารข้อมูลสำคัญ: ทั้งชื่อสินค้า ส่วนประกอบ คำเตือน วันหมดอายุ และช่องทางติดต่อ ฉลากสินค้าทำหน้าที่ให้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
แล้วการสร้างแบรนด์ต้องรู้อะไรบ้าง: เผย! เทคนิคลับ การสร้างแบรนด์ ที่นักการตลาดทุกคนจำเป็นต้องรู้
แนะนำ! 7 เทคนิคออกแบบฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์โลโก้สินค้าด้วยเอง

1. ดึงความโดดเด่นของแบรนด์มาใช้ในการออกแบบ
การนำเอกลักษณ์ของแบรนด์มาใช้ในการออกแบบฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์โลโก้ จะช่วยให้สินค้าของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเริ่มจากเข้าใจแบรนด์ของตัวเองว่า คุณคือใคร? ขายให้ใคร? ต้องการให้ลูกค้ารู้สึกยังไง? เพื่อกำหนดทิศทางในการออกแบบโลโก้ สีประจำแบรนด์ หรือสโลแกนที่เป็นที่จดจำ ให้สอดกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ สร้างความน่าเชื่อถือและทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภค
Tip: ลองตั้งคำถามว่า “หากไม่มีชื่อแบรนด์บนฉลาก ลูกค้าจะรู้ไหมว่าเป็นสินค้าของเรา?”
2. เลือกใช้สีที่เหมาะสมกับแบรนด์
สี เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อจิตวิทยาของผู้บริโภคอย่างมาก การเลือกใช้สีที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจแบรนด์มากขึ้น และสามารถจดจำได้ทันทีว่าสินค้านี้คืออะไร ตัวอย่างการใช้สีในการออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้สินค้า เช่น

ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีมากเกินไปเพื่อไม่ให้ดูรกตา
Tip: เลือกโทนสีหลัก (Primary Color) ให้สื่อถึงแบรนด์ และโทนรอง (Secondary Color) เพื่อเสริมมิติให้ฉลากหรือโลโก้ดูมีลูกเล่น
3. จัดวาง Layout และองค์ประกอบต่าง ๆ ให้สมดุล
การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ บนฉลากสินค้าให้สมดุลและอ่านง่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการออกแบบฉลากสินค้า เพื่อให้สามารถจัดวาง Layout ได้สวยงามมากขึ้น สามารถใช้กฎ 3 ส่วน (Rule of Thirds) โดยแบ่งพื้นที่ฉลากเป็น 3 ส่วนแนวตั้ง และ 3 ส่วนแนวนอน แล้ววางโลโก้ ข้อความ ภาพ ให้สมดุลกัน จะช่วยในการจัดวางองค์ประกอบให้มีความสมดุลและน่าสนใจ และควรให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่าง (White Space) เพื่อไม่ให้ฉลากดูแน่นเกินไป
Tip: ทดลองพิมพ์ฉลากขนาดจริงบนกระดาษและวางบนบรรจุภัณฑ์เพื่อดูความเหมาะสม
4. เลือกใช้ภาพประกอบและไอคอนช่วยสื่อความหมาย
การใช้ภาพประกอบหรือกราฟิกไอคอนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและแบรนด์ จะช่วยสื่อความหมายได้อย่างรวดเร็วกระชับ และชัดเจน ควรเลือกภาพที่มีคุณภาพสูงและสอดคล้องกับสไตล์ของแบรนด์ เลือกใช้ไอคอนที่สามารถสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้ง่ายขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ และรับรู้ถึงสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อ สาร
Tip: เลือกใช้รูปภาพจากเว็บขายรูปที่ปลอดภัยเรื่องลิขสิทธิ์ เช่น Number 24 x Shutterstock ที่มีภาพสดใหม่ พรีเมียม ทั้งคลังภาพ เวกเตอร์ วิดีโอ 3D เพลง และภาพ AI ถูกลิขสิทธิ์ 100% จากศิลปินทั่วโลกกว่า 750 ล้านรายการ พร้อมเครื่องมือ AI ที่ช่วยให้คุณค้นหารูปภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการลิขสิทธ์ เอกสารต่าง ๆ และใบกำกับภาษี เพราะเราช่วยดูแลอย่างครบวงจร
สาระน่ารู้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์รูปภาพ: รู้จัก กฎหมายลิขสิทธิ์รูปภาพ วิธีตรวจสอบ และโทษหากทำการละเมิด
5. ฟอนต์ต้องอ่านง่ายและเป็นเอกลักษณ์
สิ่งสำคัญในการออกแบบฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์โลโก้ คือ การเลือกฟอนต์ (Font) ที่อ่านง่ายและสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะฟอนต์มีผลต่ออารมณ์ของแบรนด์และความเข้าใจของผู้บริโภค ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์ที่มีความซับซ้อนหรืออ่านยาก เลือกใช้ฟอนต์ที่มีเอกลักษณ์และอ่านง่าย
Tip: ควรเลือกใช้ฟอนต์ไม่เกิน 2–3 แบบต่อฉลากหรือโลโก้ (เช่น ฟอนต์หัวข้อ 1 แบบ, ฟอนต์เนื้อหา 1 แบบ)
6. กำหนดขนาดของฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์โลโก้
การวัดขนาดของบรรจุภัณฑ์และกำหนดขนาดของฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์โลโก้ที่มองเห็นได้ชัดและติดในตำแหน่งที่ไม่บังข้อมูลสำคัญ จะช่วยให้ฉลากและสติ๊กเกอร์โลโก้สามารถสื่อสารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้แบบที่ออกมา ‘สวยแต่ไม่พอดี’ มีเทคนิคการออกแบบดังนี้
- เลือกรูปทรงของฉลากให้เหมาะกับภาชนะ เช่น ทรงกลม ทรงรี ทรงสี่เหลี่ยม
- เผื่อระยะขอบเพื่อความปลอดภัยเวลาไดคัต (Die-Cut)
- ทดสอบด้วยการพิมพ์ต้นแบบแล้วนำไปติดจริง
Tip: ใช้โปรแกรมออกแบบที่สามารถกำหนดขนาดจริงได้ เช่น Adobe Illustrator
7. เลือกวัสดุและเทคนิคการพิมพ์เพิ่มความพรีเมียม
และข้อสุดท้ายในการออกแบบฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์โลโก้ คือ การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพและเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความพรีเมียมให้กับสินค้าน่าซื้อมากขึ้น และแสดงถึงความใส่ใจในด้านของคุณภาพสินค้า ที่ดูดีตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ เช่น

Tip: หากงบประมาณจำกัด อาจเริ่มจากพิมพ์ Digital Print แล้วค่อยขยับไป Offset เมื่อปริมาณมาก
3 เครื่องมือที่ช่วยให้การออกแบบฉลากสินค้าสวย โดดเด่น
สำหรับคนที่อยากออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้ ด้วยตัวเองแบบมืออาชีพ นี่คือ 3 เครื่องมือที่น่าใช้และเหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร
Shutterstock
Shutterstock คือ เครื่องมือที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถเข้าถึงคลังรูปภาพ เวกเตอร์ และไอคอนคุณภาพสูงจากทั่วโลกได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมความมั่นใจในด้านลิขสิทธิ์ที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์โดย ช่วยให้งานออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้ มีความเป็นมืออาชีพ เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการหาไอเดียใหม่ ๆ หรือ Stock Photo ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที ช่วยประหยัดเวลาในการออกแบบและยกระดับงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
หลายคนอาจกังวลเพราะไม่แน่ใจว่ารูปที่เลือกมาใช้ถูกลิขสิทธิ์ไหม แนะนำ Number 24 x Shutterstock ผู้ให้บริการ Shutterstock แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เรามีทีมงานคนไทยที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด และจัดการเรื่องลิขสิทธิ์ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาไปกับการตรวจสอบ และโฟกัสกับงานออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้ได้เต็มที่

Affinity Designer
Affinity Designer คือ เครื่องมือออกแบบกราฟิกที่ได้รับความนิยมในหมู่นักออกแบบมืออาชีพ ด้วยคุณสมบัติที่รองรับการทำงานทั้งแบบเวกเตอร์และราสเตอร์ในโปรแกรมเดียว ทำให้สามารถออกแบบฉลากสินค้าได้อย่างยืดหยุ่นและละเอียดทุกองค์ประกอบ อีกทั้งยังมีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตร ใช้งานง่าย สามารถเรียนรู้และใช้งานได้รวดเร็ว
GIMP
GIMP (GNU Image Manipulation Program) คือ โปรแกรมตกแต่งภาพที่มีความสามารถหลากหลายและเปิดให้ใช้งานได้ฟรีแบบ Open Source เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเครื่องมือออกแบบโดยไม่ต้องลงทุนสูง แม้จะเป็นโปรแกรมฟรี แต่ก็มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมการทำงานต่าง ๆ ไม่แพ้โปรแกรมเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ ปรับแต่งสี วางเลย์เอาต์ หรือใส่เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ให้กับฉลากสินค้า
สรุป
การออกแบบฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์โลโก้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณเข้าใจแบรนด์ของคุณอย่างละเอียด รู้ว่าคุณคือใคร? ต้องการขายใคร? กลุ่มเป้าหมายคือใคร? สามารถดึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านฉลากหรือโลโก้ได้อย่างครบถ้วน เลือกวัสดุที่เหมาะสม และทำตาม 7 เทคนิคที่เราได้แนะนำไป ก็สามารถสร้างฉลากที่ขายของได้และสร้างแบรนด์ได้ไปพร้อมกัน
ติดต่อ Number 24 x Shutterstock ได้ที่
โทร: 099-459-5244
Website: https://number24.co.th/
Inbox: https://bit.ly/3RtAnGn
LINE Official Account: https://bit.ly/3Rz00FU
Instagram: https://bit.ly/3qi0VOR