มีเรื่องเล่าและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของเควียร์ (Queer) ที่เกิดขึ้นบริเวณชนบทมาโดยตลอด ถ้าครีเอทีฟหรือนักกิจกรรมท่านใดอย่างเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนเหล่านี้ เราจะมาบอกเรื่องราวที่แท้จริงให้คุณได้ทราบกัน
การหารูปภาพเรื่องราวที่สมจริงของเหล่า LGBTQ+ อาจเป็นเรื่องยาก เพราะช่องว่างของคอนเทนต์จากปัญหาในสังคมสร้างกำแพงบางอย่างให้กับลูกค้า ที่กำลังมองหาความหลากหลายทางเพศมาเล่าเรื่องราว ปัญหาเหล่านี้ยังสงผลต่อทัศนคติแบบเหมารวมและข้อจำกัดที่ซับซ้อนแก่เหล่า LGBTQ+ ในการขับเคลื่อนของพวกเขา แถมยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมชาวเควียร์ผ่านรูปภาพและสื่อมวลชนอีกด้วย
ทวงความสวยงามคืนแก่ชนบท
โดยปกติเราจะเห็นภาพถ่ายที่โฟกัสแต่ขบวน Pride parades แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศ ความทรมานทางจิตใจของพวกเขาที่มีต่อสังคม การปลีกตัวออกห่างสังคมของกลุ่มเควียร์และการใช้คำว่าเควียร์เป็น Click bait เชิงการตลาดแบบปลอมๆโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริง
ภาพถ่ายเหล่านั้นขาดความเข้าใจวัฒนธรรมชาวเควียร์และความเท่าเทียมอย่างสิ้นเชิง ส่วนใหญ่จะเน้นถ่ายเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ความหลากหลายเชิงสรีระไม่ค่อยมี ความผิดปกติของร่างกายก็ไม่มี ที่น่าแปลกใจคือทำไมภาพส่วนใหญ่ถึงเซ็ตฉากอยู่ในเมืองใหญ่ๆเท่านั้น
ถ้าค้นหาภาพเร็วๆสำหรับคำว่า “rual LGBTQ people” คุณจะเจอรูปธงสีรุ้งปักอยู่กลางไร่ข้าวโพด ผู้หญิงสองคนจูบกันในร้านสปาหรูหรา การปิกนิกในไร่องุ่น เควียร์สูงวัยโพสท่าเท่ๆบนรถเปิดประทุน นางแบบเดินป่าพร้อมอุปกรณ์ครบเซ็ต เป็นต้น เห็นไหมว่าไม่มีอะไรสื่อตรงๆถึงชาวเควียร์ที่แท้จริงเลย
ในฐานะที่ผู้เขียนรักการท่องเที่ยว ชอบใช้วันหยุดไปกับคู่รัก ชอบเดินป่าเดินเขาไปกับแก๊งชาวเควียร์และในฐานะที่เป็นเกย์ผู้หญิงและเติบโตมากับพื้นที่ชนบท ทำให้สังเกตได้ว่าพื้นที่ชนบทมักถูกถ่ายทอดความสวยงามในเชิงท่องเที่ยวเท่านั้น
แล้วผู้คนที่อาศัยในแถบนั้นล่ะ?
เราสามารถเล่าเรื่องราวของสถานที่ต่างๆได้ โดยเลือกถ่ายภาพผู้คนและนักท่องเที่ยวในบริเวณนั้น มีสถานที่ชนบทและผู้คนอีกมากมายที่ควรค่าแก่การได้พบเห็น แถมยังสวยไม่แพ้ภาพประเภทอื่นด้วย
แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจำนวนประชากรเควียร์ในแต่ละพื้นที่
ส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของชาว LGBTQ+ มีเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งเรียกว่า “Great Gay Migration (การอพยพครั้งใหญ่ของชาวเกย์) โดยย้ายมาที่เมืองซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กในช่วงปี 1970
เปรียบได้ว่า ณ ที่แห่งนั้นคือสวรรค์ของชาวเควียร์ ซึ่งดึงดูดกลุ่มชาว LGBTQ+ จำนวนมากที่พยายามหลบหนีจากสภาพแวดล้อมของกลุ่มอนุรักษ์นิยม
ทุกวันนี้พื้นที่บริเวณชนบทจึงยังคงเป็นพื้นที่มีค่านิมยมแบบเก่าและถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะทุกคนต่างจินตนาการว่าในเมืองคือที่ๆสามารถหาความเท่าเทียม การยอมรับ เพื่อนฝูงและมิตรภาพได้
การย้ายบ้านจึงมีหลากหลายปัจจัยสำคัญ ทุกวันนี้การย้ายเขาไปในเมืองใหญ่อาจไม่ใช่บรรทัดฐานอีกต่อไป สำหรับบางบ้านอาจเป็นเพราะปัจจัยทางการเงินหรือความยั่งยืนในการอยู่อาศัยเป็นหลัก
การนำเสนอชาว LGBTQ+ ผ่านแง่มุมใดๆจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนบุคคลที่มีต่อเมืองนั้นๆ เพื่อแสดงมุมมองชีวิตเควียร์ที่เรียบง่าย
จากการศึกษาของ Equality Federation ในปี 2021 พบว่าชาว LGBTQ+ กว่า 3 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทของสหรัฐอเมริกา
แล้วทำไมสื่อถือไม่เผยแพร่มุมมองที่ดีกว่านี้ในข่าว? เวลาเราเห็นตัวละครเควียร์ในหนังหรือละคร ทำไมต้องกลายเป็นแค่เพื่อนตัวหลักหรือตัวประกอบ หรือเป็นตัวละครที่มีบาดแผลทางใจและวิตกกังวลตลอดเวลา
เร็วๆนี้มีการเพิ่มขึ้นของประชากรแถบชนบทจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา แต่ที่สำคัญคือบริเวณแถบชนบทไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยของกลุ่ม LGBTQ+ เสมอไป
แต่ถึงอย่างไรก็ตามกลุ่มเควียร์ก็ยังสนุกกับการอาศัยอยู่แถบชนบท พวกเขาต้องการอยู่ใกล้ครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินและผ่อนคลาย มีจิตสำนึกต่อชุมชนและรักบ้านเกิด
เราเป็นในสิ่งที่เราเห็น (We are what we see)
ถ้าเราสมมุติไปเองว่าการมีอยู่ของประชากรเควียร์ในเขตชนบทลดลง การให้ได้มาซึ่งภาพการใช้ชีวิตในแถบชนบทของชาวเควียร์นั้นแทบจะหายไปเลยจากสังคม
การที่เราผลิตคอนเทนต์ส่งเสริมชาวเควียร์ด้วยความเข้าใจผิดๆ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆในเมืองหรือบ้านอันหรูหรา ให้เข้าใจไว้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดของพวกเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงบทของชาว LGBTQ+ ทางโทรทัศน์และภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง อย่างตัวละครในเช่น Sex Education, The Umbrella Academy, Never Have I Ever, Special, Gentleman Jack เป็นต้น
ล่าสุดกับซีรี่ส์อย่าง Somebody Somewhere ของ HBO คือการเปิดช่องทางเล็กๆน้อยๆให้ชาวเควียร์ในพื้นที่ชนบทที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเมืองเล็กๆของรัฐแคนสัส
เนื้อหาจากรูปภาพสามารถบอกเล่าได้มากมายเกี่ยวกับชาวเควียร์และสภาพแวดล้อมรอบๆพวกเขา รูปภาพคือเครื่องมือสำหรับสอนให้ผู้คนมองเควียร์ในแบบที่พวกเขาเป็น
เทคโนโลยี ณ ปัจจุบันทำให้เราเสพสื่อได้มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต เพียงแค่เปิดโทรศัพท์ของคุณแล้วเลื่อนไปมา เหมือนกับหลายๆสิ่งที่มีคนกล่าวไว้ว่า “You are what you eat” ในกรณีนี้ก็คือ “We are what we see หรือ don’t see)
การแสดงภาพเชิงลบหรือลดบทบาททางสื่อลง มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อเยาวชนชาว LGBTQ+ ที่อยู่บริเวณชนบทเพราะเยาวชนเหล่านั้นจะไม่ได้รับการยอมรับในสังคม
ทุกๆอย่างที่คุณเห็นรอบตัว ณ ปัจจุบันคือถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จหรือมีความสุข คุณจะต้องย้ายไปอยู่ในเมือง ถึงจะเจอสิ่งที่คุณพอใจและต้องการ
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ LGBTQ+ ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เป็นจริงๆ
อย่าพึ่งเหมารวมเร็วเกินไป
คุณ Willie Carver, Kr คุณครูแห่งปีประจำรัฐเคนทักกี ได้พบเห็นว่าชาวเควียร์วัยรุ่นขาดความมั่นใจและส่งผลกระทบอย่างมากในวัยเรียน
คุณ Willie เป็นครูและนักกิจกรรมชาว LGBTQ+ ที่เรียกร้องความเท่าเทียมและความยุติธรรมให้ชาวเควียร์อย่างภาคภูมิใจ ผู้ต้องการให้เยาวชนเห็นถึงความเท่าเทียมและไม่ต้องการให้มีการกีดกันในชุมชนเฉกเช่นในอดีต
“แนวคิดชีวิตของคนแถบชนบทคือคุณจะต้องย้ายไปไกลๆเพื่อหาความปลอดภัยและความสุข นักเรียนของฉันหลายคนเคยได้รับความบอบช้ำและประสบการณ์เลวร้ายช่วงระดับมัธยมศึกษา นี่คือสิ่งจำเป็นที่เราต้องให้ชาวเควียร์พบความสุขให้ได้
ความหลากหลายคือคำตอบ อย่าดัดฉันท์ความยากจน ใช้แรงงานไม่ใช่เรื่องต้องรังเกียจ การเล่าเรื่องราวแถบชนบทไม่จำเป็นต้องจับผู้คนไปยัดในยุ้งข้าว ในเมืองพื้นที่เมืองเล็กๆก็ได้
คนหนุ่มสาวคือผู้ส่งต่อเรื่องราวในอนาคตและเป็นเจ้าของเรื่องเหล่านั้น พวกเขาต้องการเห็นผู้คนเป็นในแบบที่พวกเขาเป็นจริงๆอย่างไร้ความกังวล”
การตระหนักรู้และหลีกเลี่ยงการเหมารวมเรื่องแถบชนบทและชนชั้นแรงงานคือกุญแจสำคัญ เราต้องเล่าเรื่องราวของ LGBTQ+ ในแบบที่ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือจากคนในชุมชนด้วยเช่นกัน
ถ่ายภาพคนในบ้านเกิดของพวกเขา ในรูปแบบที่เขาเป็น
การลดแนวคิดเหมารวมในชุมชนลงและเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติของชนชั้นแรงงานเป็นเชิงบวก เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของชนบทต่อไป รวมถึงปรับความเข้าใจให้กับคนที่ไม่เข้าใจให้รับรู้มากขึ้นคือเป้าหมายหลัก
เพศทางเลือกหรือชาวเควียร์ต้องการแค่การยอมรับและความเข้าใจเท่านั้น เรามาสร้างคอนเทนต์ที่แสดงให้เห็นว่าชาว LGBTQ+ ทำกิจกรรมกันอย่างไร เช่น สร้างงานศิลปะ เดินเขากับเพื่อน ทำสวนหลังบ้านหรือปาร์ตี้ ทำฟาร์ม ฯลฯ เป็นต้น
ชุมชนชาว LGBTQ+ แถบชนบทควรได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ พวกเขาควรได้รับการนำเสนอในมุมมองที่ดีขึ้น พวกเขาไม่ต้องการย้ายไปไหน พวกเขาจะอยู่ที่นี่ พวกเขาคือเควียร์
บทความโดย: We Are Everywhere: Queering Rural America