mnK0PN4l3VFrV8RvRodi

แรงบันดาลใจ

เรื่องราวของดวงดาวในงานศิลปะ ผลงานภาพ และประวัติศาสตร์อันเรืองรอง

ดวงดาวสร้างความความหลงไหลให้กับเหล่าศิลปิน บุคคลในประวัติศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์มากมายมาร่วมระยะเวลานับพันปี บทความนี้จึงช่วยความเข้าใจว่าดวงดาวมีส่วนผสานกับการสร้างผลงานและจินตนาการใหม่ๆได้อย่างไร?

ดวงดาวสร้างความความหลงไหลให้กับเหล่าศิลปิน บุคคลในประวัติศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์มากมายมาร่วมระยะเวลานับพันปี บทความนี้จึงช่วยความเข้าใจว่าดวงดาวมีส่วนผสานกับการสร้างผลงานและจินตนาการใหม่ๆได้อย่างไร?

starry photoshoot van cleef and arpels 1935 vogue
ภาพโดย Horst P Horst/Condé Nast/Shutterstock

“ดวงดาว อิทธิพลเหนือกาลเวลา เหล่าดวงดาวระยิบระยับนับล้านบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เรียงตัวจนสุดขอบฟ้านั้น เมื่อมนุษย์เงยหน้ามองไปบนฟ้าก็พาลให้นึกจิตนาการต่างๆนาๆ เกิดจุดเริ่มต้นของดาราศาสตร์ และการวิงวอนขอพรจากฟ้ากฟ้า

มนุษย์ได้เริ่มการจดบันทึกเหตุการณ์ของดวงดาวตั้งแต่ยุคที่ช้างมอมแมมอธขนยาวยังเดินอยู่บนพื้นโลก ในยุคที่พวกเขาใช้สิ่งนี้เพื่อเป็นเครื่องมือนำทางทั้งทางบกและทางน้ำยามกลางคืน

ในประเทศเยอรมันมีการขุดพบงาช้างอายุราว 32,000 ปี ที่ถูกแกะสลักเป็นรูปร่างมนุษย์ในท่าทางที่แขนและขาทำองศาเป็นรูปกลุ่มดาวนายพราน และอีกด้านของแผ่นกระดูกถูกสร้างรอยบากซึ่งคาดว่าเป็นการบันทึกปฏิทินการตั้งครรภ์

ภาพกลุ่มดาวที่พบในยุคแรกยังปรากฏอีกหลายแห่ง อย่างภาพเขียนสีอายุกว่า15,500ปี ที่พบในถ้ำลาสคาวซ(Lascaux) ประเทศฝรั่งเศส นักวิชาการคาดว่านี่เป็นภาพที่แสดงการตกของดาวหางในช่วงเวลานั้น ประกอบกับภาพของแรดและม้าที่สื่อถึงกลุ่มดาววัว และกลุ่มดาวสิงห์

leo constellation illustration
ภาพโดย Sergey Mikhaylov

คำว่า ดาว ยังแทรกอยู่ในการใช้ภาษาอย่างแนบเนียน เช่นเรามักเรียกคนที่มีชื่อเสียงว่า “ดารา” หรือคำว่า จ้องตาเป็นประกาย(เหมือนดวงดาว)

ตั้งแต่มนุษย์เรามองขึ้นฟ้า เราก็ได้ให้ความหมายกลุ่มดาวต่างๆเป็นเทพเจ้า หรือสัญลักษณ์เพื่อช่วยให้จำง่ายขึ้น

things to come 1936 film still
ภาพโดย London Films/United Artists/Kobal/Shutterstock

แนวคิดเรื่องเวลามาจากดวงดาวและดาวเคราะห์

ดวงดาวช่วยให้เราเข้าใจเวลาและพื้นที่ เรารู้ได้ว่าตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์แล้วเราอยู่ที่ไหนจากการดูท้องฟ้ายามค่ำคืน เรารู้ว่าเวลานี้คือช่วงไหนของปีจากสภาพอากาศและช่วงเวลาสว่าง-มืดของวัน จากระยะทางเมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องของดาว

ชาวสก็อตในยุค 8,000 ปี ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ได้สร้างอนุเสาวรีที่แสดงถึงการโคจรของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์;นาฬิกาที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเครื่องมือดูเวลาที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนสโตนเฮนส์เสียอีก

นอกจากนี้ยังมีของอีกชิ้น ที่ชื่อว่า ดิสก์ท้องฟ้าเนบรา (Nebra Sky Disk) จากยุคสำริดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินจันทรคติในยุคแรก ลักษณะเป็นแผ่นทองแดงทรงกลม บาง ลวดลายบนแผ่นเป็นรูปดวงจันทร์ พระอาทิตย์ และดวงดาว กระจัดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวลูกไก่

และยังมีเสาหินอายุ 1,100 ปี ก่อนประวัติศสตร์ ที่พบในประเทศตุรกี ถูกแกะสลักด้วยรูปแมงป่อง หมี และนก ซึ่งเชื่อมโยงได้กับกลุ่มดาวแมงป่อง กลุ่มดาวหญิงสาว และกลุ่มดาวปลาคู่

nebra sky disc with museumgoers
ภาพโดย Hendrik Schmidt/EPA/Shutterstock

ยิ่งเรานึกถึงปฏิทินและการนับเวลา เราจะยิ่งเห็นความเชื่อมโยงกับดวงดาว อย่างเรื่องเดือนและปี ฤดูกาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกับสุริยันและจันทรา

การวางแผนในการทำการเกษตร ตลอดจนทำความเข้าใจเรื่องการวางแผนสร้างครอบครัว(รอบเดือนของผู้หญิง) ก็ล้วนมาจากการดูตำแหน่งดวงฟ้าบนฟ้าทั้งสิ้น

ปฏิทินของชนเผ่ามายันและชาวอียิปโบราณนั้นล้วนสร้างขึ้นจากดวงดาว การเขียนกำแพงของชาวอินเดียที่สื่อถึงดาวหาง คำว่าวันจันทร์ที่มาจาก “พระจันทร์” และวันอาทิตย์ที่มาจาก “ดวงอาทิตย์” ดวงดาวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างไม่สามารถแยกจากกันได้

closeup of madrid codex 1
ภาพโดย Werner Forman Archive/Shutterstock

การสร้างสรรค์ภาพดวงดาวแห่งดวงดาวในหลายมิติ

การวาดภาพแผนที่ดวงดาวนั้นไม่ต้องรอเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เมื่อกล้องโทรทัศน์ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 แต่ดาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถูกนำมาวาดลงแผนที่ดวงดาวก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งแผนที่ดาราศาสตร์ แผนที่การเดินเรือ ชิ้นงานแกะสลัก หรือเครื่องมือนำทางต่างๆ ดวงดาวจึงถูกวาดขึ้นในรูปร่างและรูปแบบต่างๆ ระอองขนาดเล็ก ขีดดาวมีหาง วงกลมเป็นจุด เป็นกลุ่มหมอก หรือภาพเลขาคณิตหลายแฉก

northern hemisphere star map illustration
ภาพโดย Mary Evans/Shutterstock

บนสุสานของชาวอียิปโบราณมีลักษณะรูปร่างคล้ายดวงดาว 5 แฉก  เครื่องปั้นดินเผ่าอายุนับพันปีของชาวสุเมเรียน ก็มักพบเป็นลักษณะ 5 แฉก เช่นเดียวกับภาพเพดานพีระมิดของกษัตริย์เตติ(Tati) ที่เมืองซักคารา(Saqqara) ที่เต็มไปด้วยลวดลายดาว สื่อถึงลมหายใจของกษัตริย์ที่จะไม่มีวันสลายไปในชีวิตหลังความตาย

stars in pyramid of teti
ภาพโดย Werner Forman Archive/Shutterstock

ดาวแห่งพระแม่ลักษมีดาว 8 แฉก (4 เหลี่ยม 2 อันซ้อนกัน) สัญลักษณ์นี้มีความสำคัญมากในศาสนาฮินดู และยังมีความสำคัญในประวัติศาสตร์จีน เทพเจ้าไท้อี้ หรือเทพเจ้าสูงสุดของจีนเชื่อว่าอาศัยอยู่ในวังที่เป็นศูนย์กลางของสวรรค์ซึ่งคือจุดบนสุดของดาว 8 แฉก และเชื่อว่าเป็นองค์ที่ดูแลสวรรค์ทั้ง 8 ส่วน

star of lakshmi
ภาพโดย surojit_shutter

ชาวกรีกออกแบบเครื่องหมายดอกจันทร์ สัญลักษณ์ดวงดาวที่สร้างขึ้นจากเส้นวาดตัดผ่านกัน เรียกว่า Asteriskos หรือดาวดวงน้อย

etching of archimedes
ภาพโดย Universal History Archive/UIG/Shutterstock

นักดาราศาสตร์ และเหล่ากัปตันเรือ ทุ่มเทเวลาและแรงกายเพื่อสร้างแผนที่ดวงดาวที่สมบูรณ์แบบ แต่เหล่าศิลปินก็หลุ่มหลงในดวงดาวจากความงดงามนั้นเช่นกัน ในปี 1300 ศิลปินนักวาดภาพชาวอิตาเลียน Giotto do Bondone ใช้สีฟ้าที่มีราคาสูงจำนวนมาหาศาล ที่แพงยิ่งกว่าทองคำ เพื่อรังสรรค์ภาพท้องฟ้าสีน้ำเงินยามค่ำที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนเพดานของโบสถ์น้อยอารีนา(The Arena Chapel)

arena chapel dome with stars
ภาพโดย Alfredo Dagli Orti/Shutterstock

ในปี 1400 สำรับไพ่ทาโร่ได้เพิ่มดาวแพนทาเคิล(Pentacle)เป็นส่วนหนึ่งของไพ่ โดยชื่อของดาวนั้นมาจากคำว่า Pentagram แปลว่าดาว 5 แฉก และมีการเพิ่มดาวหลายแฉกอย่าง Octagram หรือดาว 8 แฉก เช่นกัน

letoile xvii tarot card stars
ภาพโดย Historia/Shutterstock

เมื่อดวงดาวกลายมาเป็นเส้นแห่งนามธรรม (Abstract Contours)

ช่วงราวปี 1800 สัญลักษณ์ของดาวได้ถูกกล่าวถึงและตีความในแง่ของความเป็นศิลปะ ศิลปินชาวยุโรปจำนวนมากเริ่มที่จะสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบที่นอกเหนือจากดวงไฟสว่าง จุกลูกไฟ หรือทรงเลขาคณิตหลายแฉก

ในปี 1889 Vincent Van Gogh ได้ใช้เทคนิกการระบายภาพดวงดาวโดยใช้ฝีแปรงหนาหมุนวนเป็นคลื่นในผลงาน The Starry Night จากนั้นในปี1905 Henri-Edmond Cross วาดภาพดวงดาวจากการสาดสีอย่างน่าทึ่ง ในปี1917 Georgia O’Keeffe ตีความท้องฟ้ายามค่ำคืนในผลงานชื่อว่า Starlight Night ซึ่งเป็นผลงานที่ตีความการวาดภาพดาวในรูปแบบที่ทันสมัย โดยภาพท้องฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นเป็นรูปคล้ายผ้าห่มสีน้ำเงินลายตาราง และ Henri Matisse ได้สร้างผลงานที่มหาวิทยาลัยของเขาในปี 1947 ชื่อว่า Icarus จากการตัดกระดาษสีเหลืองเป็นรูปทรงตามจิตนาการ

van gogh starry night
matisse icarus
ภาพโดย Universal History Archive/Shutterstock และ The Art Archive/Shutterstock

มนุษย์ต้องการครอบครองความยิ่งใหญ่ของดวงดาว

ดวงดาวที่แทรกอยู่ในเรื่องราวของประวัติศาสตร์นั้นบางทีอาจดูลึกลับ สัญลักษณ์เหล่านี้ได้รับการเชิดชูอย่างมาก และถูกให้ความหมายแฝงถึงพลังอำนาจ

ผู้คนรู้สึกว่าดวงดาวเป็นตัวแทนของพลังบางอย่างและบางครั้งโยงถึงเรื่อง เวตมนต์ รูปทรงของดาวจึงถูกนำมาผูกกับพิธีการร่ายเวตมนต์ตามความเชื่อ ทั้งรูปทรงและคาถาที่มีการแทรกคำว่า Hex ที่มาจาก Hexagram ดาว 6 แฉก

Screen Shot 2022 06 28 at 1.07.41 PM
ภาพโดย Mansell Collection/The LIFE Picture Collection/ShutterstockHistoria/Shutterstock, และ Mansell Collection/The LIFE Picture Collection/Shutterstock

การใช้สัญลักษณะของชาวอียิปโบราณยังมีการเขียนรูปดาวบนหน้าหมวกเกราะของนักรบ และในยุคกลางนักรบ และอัศวินก็มีสัญลักษณ์นี้บนโล่ของพวกเขาเช่นกัน

ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ในสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันออก คนที่เป็นนายอำเภอจะได้รับเหรียญติดอกที่เป็นสัญลักษณ์รูปดาว เหรียญนี้มีลักษณะเป็นดาว 6 แฉก เพื่อแสดงถึงอำนาจของผู้ที่ครอบครอง โดยทำขึ้นจากโลหะทำให้สะท้อนแสงไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืนเพื่อให้เห็นได้ชัด แต่ไม่ใช่ทุกรัฐที่ร่ำรวยพอที่จะทำเหรียญโลหะในช่วงเวลานั้น ทำให้ช่วงแรกมีการทำเหรียญนี้ขึ้นจากการตัดแผ่นเหล็กที่มาจากกระป๋องบรรจุภัณฑ์ หรือเศษเหล็ก

การออกแบบธงชาติ สังเกตว่าหลายประเทศจะมีการใส่ดาวลงไปบนธง มีทั้งสิ้น 72 ประเทศ กรมตำรวจและกองทัพสหรัฐยังมีการนำดาวมาเป็นส่วนหนึ่งในการประดับเครื่องแบบประจำตำแหน่งอีกด้วย

The Star of Life หรือ ดาวแห่งชีวิต กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการให้บริการการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน ดาว6แฉก ปลายตัน และมีสัญลักษณ์งูตรงกลาง

the pleiades elihu vedder 1885
ภาพโดย Everett/Shutterstock

ขณะที่รัฐบาลและองค์กรส่วนใหญ่ยึดสัญลักษณ์รูปดาวเป็นสำคัญ สัญลักษณ์เหล่านี้ยังถูกดึงดูดโดยนักปรัชญาและนักกวีเช่นกัน อย่างที่เราอาจเห็นบทกวีเกี่ยวกับดวงดาวมากเสียกว่าดวงดาวที่มีอยู่บนท้องฟ้าเสียอีก Rainer Maria Rike เขียนใน Falli Stars

บทความโดย: A Brief History of Stars in Art, Imagery, and History

บทความนี้เรียบเรียงโดย ชุติภา ตรีพรชัยศักดิ์ (ว่าน น้องฝึกงาน)

กรุณากรอกข้อมูลสำหรับการติดต่อ





    Type: